Splash photography คือเทคนิคในการถ่ายภาพอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยสร้างความน่าตื่นเต้นให้แก่ภาพนั้น ๆ มันคือการถ่ายภาพขณะที่น้ำหรือของเหลวภายในภาพกำลังแตกกระจาย หรือตกกระทบกับตัววัตถุที่ต้องการถ่าย มันเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพสูงในการถ่ายภาพและมันช่วยสร้างความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี สำหรับบทความนี้เราจะพูดถึงเทคนิคในการถ่ายภาพสไตล์นี้
อุปกรณ์ที่ต้องมี
- ขาตั้งกล้อง
- แสงไฟสตูดิโอ
- อุปกรณ์ป้องกันน้ำสำหรับกล้อง หรือป้องกันพื้นที่เปียก
- ผ้าซับน้ำ
ก่อนเริ่มถ่ายต้องเตรียมสถานที่ให้พร้อมในการถ่ายทำ คุณต้องวางแผนจุดที่ต้องการให้น้ำเคลื่อนไหวภายในภาพ หรือจุดที่ตกกระทบและคิดถึงจุดที่น้ำจะกระเด็นเข้าไปโดนด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันอุปกรณ์ที่ไม่สามารถโดนน้ำได้รวมไปถึงใช้อุปกรณ์ป้องกันน้ำกับกล้องถ่ายภาพของคุณ และการถ่ายภาพสไตล์นี้อาจต้องถ่ายซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ได้ช็อตที่สมบูรณ์มากที่สุดจึงเป็นการถ่ายภาพที่ใช้เวลานานกว่าสไตล์อื่น ๆ
เทคนิคการตั้งค่าแสงแฟลช
- การถ่ายภาพสไตล์นี้จะเป็นการถ่ายภาพความเร็วสูงระหว่างที่ของเหลวกำลังเคลื่อนที่อยู่จึงจำเป็นต้องเซ็ตกล้องและต้องใช้แฟลชในการถ่าย แสงแฟลชจะต้องถูกตั้งค่าไว้แบบรวดเร็วแต่ไม่จำเป็นต้องตั้งค่า Speed Shutter ให้ต่ำเพราะสิ่งสำคัญของการถ่ายภาพสไตล์นี้คือระยะของแสงแฟลชที่ถูกเรียกว่า Speedlite นั่นเอง
- ถ่ายในโหมด Mirror Lock-up เพื่อเพิ่มความคมชัดของภาพ และสามารถเปิดรับแสงได้นานขึ้น โหมดนี้จะทำให้กล้องพลิกกระจกภายในเลนส์ขึ้นก่อนที่ชัตเตอร์จะปิดลง หมายความว่าเมื่อคุณกดชัตเตอร์จะทำให้คุณถ่ายภาพได้ทันที
การตั้งค่ากล้อง
Shutter Speed – ในการปรับนั้นให้ลองปรับและถ่ายแบบไม่ใช้แฟลชก่อนเพื่อดูว่าภาพที่ได้มีแสงธรรมชาติหรือแสงที่เล็ดรอดเข้าไปในภาพหรือไม่และใช้ความเร็ว Shutter ที่สูงกว่าเพื่อเปรียบเทียบ และภาพที่ได้ควรเป็นภาพสีดำที่ไม่มีแสงแทรกเข้ามาแต่หากปรับความเร็วสูงสุดแล้วยังมีแสงเข้าไปยังภาพเราแนะนำให้หาวิธีปิดแสงที่เข้าไปแทน
ค่า F หรือรูรับแสง – แนะนำที่ F11 หรือ F16 เพื่อภาพที่สามารถโฟกัสการกระจายของน้ำที่ชัด
ISO – ใช้ต่ำที่สุดที่กล้องสามารถปรับได้โดยปกติจะอยู่ที่ 100
จุดโฟกัส – ขณะถ่ายภาพควรเลือกจุดโฟกัสล่วงหน้าในจุดที่คาดว่าน้ำจะตกกระทบหรือมีการเคลื่อนไหว ปรับโฟกัสโดยโหมด Manual