หากพูดถึงเส้นใยจากธรรมชาตินั้นจะสามารถแบ่งออกเป็นประเภทเส้นใยของสัตว์และเส้นใยของพืช โดยมันจะแตกต่างกันตรงที่เส้นใยของสัตว์จะประกอบไปด้วยกรดอะมิโนและถูกเรียกว่าโปรตีน เช่น ขนของอัลฟากร้า ขนแกะ และผ้าไหม ส่วนเส้นใยจากพืชจะมีเซลลูโลสเป็นส่วนประกอบ เช่น ฝ้าย ปอ ปอกระเจา เป็นต้น
สำหรับเส้นใยไหม(Silk) นั้นเป็นเส้นใยประเภทที่มาจากสัตว์ มันถูกเรียกว่า “ราชินีแห่งผ้า” มันถูกพัฒนาขึ้นในประเทศจีนสมัยโบราณ โดยการนำรังไหมของตัวหนอน Bombyx mori ที่อาศัยอยู่บนต้นหม่อนมาทำเป็นเส้นใย

เส้นใยไหม นั้นเป็นเส้นใยที่มีความแข็งแรงที่สุดในประเภทเส้นใยจากธรรมชาติ มีโครงสร้างทางเคมีเป็นสามเหลี่ยมปริซึม มันสามารถดูดซับน้ำได้ดีและย้อมสีได้ ถูกนำไปใช้งานกันอย่างแพร่หลายในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการผลิตผ้าไหมเป็น 70% ของโลกที่มีปริมาณมากถึง 150,000 ตันต่อปี รองลงมาคืออินเดีย อุซเบกิสถาน ไทยตามลำดับ และจะถูกเรียกในอุตสาหกรรมการผลิตผ้าไหมจากหนอนว่า “การปลูกหม่อนไหม”
ผ้าไหมมีความหลากหลายและสวยงาม มันมีจุดเด่นตรงที่ความนุ่มของผิวสัมผัสและเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในสมัยประวัติศาสตร์ และได้สร้างเส้นทางการค้าที่เป็นตำนานจนเป็นวัฒนธรรมมาถึงทุกวันนี้ที่ถูกเรียกว่า “เส้นทางสายไหม” เพื่อแลกเปลี่ยนผ้าไหมระหว่างประเทศจีนและยุโรป

ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการขยายตัวอย่างมากในอุตสาหกรรมผ้าไหมแต่กระบวนการที่ใช้ในการผลิตยังคงเป็นเหมือนเดิมในสมัยโบราณโดยจะมีขั้นตอนในการผลิตดังนี้

ผ้าไหมส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้งานได้หลากหลายตามวัตถุประสงค์ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือถูกผลิตออกมาใช้สำหรับผู้บริโภคและสำหรับอุตสาหกรรม
สำหรับผู้บริโภค สินค้าที่ขาดไม่ได้จากผ้าไหมก็คือ เครื่องแต่งกาย เช่นผ้าพันคอ เสื้อเชิต ชุดสตรี และชุดราตรี เนื่องจากมันมีคุณสมบัติคือมีน้ำหนักเบา อ่อนนุ่ม ผู้คนมักจะนำไปผลิตเป็นชุดชั้นใน เสื้อกันหนาว เพราะมันให้ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นมันยังถูกนำไปตกแต่งบ้านโดยทำเป็นผ้าม่านหรือหมอนและผ้าแขวนผนัง




สำหรับอุตสาหกรรม แม้ว่าในปัจจุบันจะมีทางเลือกเพิ่มมาคือเส้นใยสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตคิดค้นขึ้นมา เช่นการทำร่มชูชีพ แต่ก็ยังมีผู้ผลิตหลายรายที่ยังคงผลิตภัณฑ์ด้วยผ้าไหมแท้อยู่ เนื่องจากมันมีความทนทานและน้ำหนักเบา นอกจากนั้นทางการแพทย์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือผ้าไหมที่ใช้เย็บแผลไว้ใช้สำหรับการผ่าตัด เนื่องจากมันเป็นเส้นใยที่บางมากและมีคุณสมบัติต้านเชื่้อแบคทีเรีย

ประเภทของผ้าไหม
- Mulberry silk เป็นผ้าไหมหม่อนที่ทำง่ายและราคาถูกที่สุด ซึ่งผ้าไหมเกือบทั้งหมดในโลกคือผ้าไหมหม่อน
- Eri Silk เป็นผ้าไหมประเภทที่ไม่จำเป็นต้องฆ่าหนอนไหม จึงถูกเรียกว่า Peace silk หรือผ้าไหมที่สงบสุข เป็นผ้าไหมที่มีความคงทนกว่าผ้าไหมหม่อน
- Tasar Silk ผ้าไหมประเภทที่ถูกผลิตเป็นอันดับสอง ตัวหนอนมีสีเขียว ส่วนใหญ่มักพบในอินเดีย และญี่ปุ่น
- Spider silk ใยไหมจากแมงมุม มีราคาแพงมากเนื่องจากมันไม่สามารถผสมพันธ์ุได้เหมือนหนอนไหม มักใช้ทำเสื้อเกราะกันกระสุน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- Muga silk ใยไหมที่ผลิตในรัฐอัสสัมในอินเดียเท่านั้น ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันในวงแคบ มักใช้สำหรับผู้สูงศักดิ์ในรัฐ
- Sea silk เส้นใยที่ทำจากหอยแมลงภู่สายพันธ์ุหนึ่งในทะเลเมดิเตอเรเนียน หรือเรียกอีกอย่างว่า “ผ้าไหมหอยแมลงภู่”
- Coan silk มาจากหนอนไหมสายพันธุ์หนึ่งชื่อ Pacypasa atus ที่กินต้นสนจูนิเปอร์และต้นโอ๊ก ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกรุงโรมโบราณ แต่หายากในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ผ้าไหมชนิดนี้จะใช้เพื่อเสริมสร้างเส้นใยชนิดอื่นๆ
