Voice search คลื่นลูกต่อไปที่น่าจับตามอง

  • by

Voice search คืออะไร แล้วทำไมถึงถูกเรียกว่าคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับมอง โดยในปัจจุบัน Voice Search ได้รับความนิยมมากในตอนนี้เนื่องจากทุก Device ถูกพัฒนาให้รองรับระะบบนี้ อีกทั้งยังสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้อย่างมาก ฉะนั้น Voice search คือการค้นหาด้วยเสียงหรือที่เรียกว่าการเปิดใช้งานด้วยเสียง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้คำสั่งเสียงในการค้นหาคำต่าง ๆ บนเว็บไซต์หรือใช้เสียงในการสั่งงาน Device ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเทคโนโลยีเช่น Siri ,Amazon Echo


แล้ว Voice search ต่างกับการพิมพ์ค้นหาอย่างไร?

Man using smartphone. Voice Assistant

ตามความจริง Voice search ไม่ใช่สิ่งใหม่ เนื่องจากมันถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2011 หรือ พ.ศ. 2554 แต่มันถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ ทั้งในเรื่องการจับความถูกต้องของเสียงและแสดงผลออกมาอย่างแม่นยำ และถูกพัฒนาเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทั้งในเรื่องของการ Shopping และการทำธุรกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ Voice Search ยังเหนือกว่าการพิมพ์ค้นหาตรงที่สามารถค้นหาได้เร็วกว่าและมีความง่ายกว่า หากเปรียบเทียบโดยปกติแล้วคนเราจะสามารถพิมพ์คำภายใน 1 นาทีได้โดยประมาณ 38-40 คำ แต่หากพูดจะได้ถึง 110-150 คำต่อนาที นี่จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไม Voice Search เริ่มมีผลต่อ Search engine marketing


Voice search ทำงานยังไง ?

View of a Businessman holding a Vocal search system with button and icon3d rendering

หากไม่ลงลึกถึงรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือขั้นตอนกระบวนการสามารถอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ดังนี้ :

  • ทำงานด้วยการประมวลผลจากเสียง ถอดเสียงคำพูดของมนุษย์ออกมาเป็นข้อความ
  • เชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น Search engines เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
  • การแปลข้อมูลนั้นจะอยู่ในรูปแบบที่ง่าย เพื่อให้ง่ายต่อผู้ใช้งาน

ใครเป็นผู้เล่นหลักใน Voice search

human hand choosing apps voice conversation audio social network communication voice recognition concept horizontal vector illustration

ถ้าเป็นตลาดผู้เล่นหลักในลำโพงอัจฉริยะของสหรัฐฯ มีดังนี้ (แบ่งตามส่วนแบ่งตลาดในปี 2020)

  • Amazon 63.2%
  • Google 31%
  • อื่น ๆ 5.8%

แต่หากพูดถึง การค้นหาด้วยเสียงที่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ ที่ไม่ใช่ลำโพงอัจฉริยะ นั้น สามารถแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันได้ 2 ราย คือ Apple (Siri) และ Google (Google assistant)


ปรับตัวธุรกิจให้เท่าทัน Voice Search

person typing on gray and black HP laptop

cr. unsplash.com

เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่สามารถใช้งาน Voice Search ได้อย่างเต็มที่ ถึงตาของธุรกิจบ้างที่ต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัยและตามให้ทันพฤติกรรมของผู้บริโภค อย่างที่บอกไปข้างต้น Voice Search เป็นการสั่งงานด้วยเสียง และด้วยความที่ใช้เสียงของมนุษย์ คำที่ได้มาส่วนใหญ่นั้นจะเป็นภาษาพูดเสียส่วนใหญ่ และคำเหล่านั้นจะมีผลต่อ SEO ภายในเว็บไซต์ เพราะ Keyword ที่ได้มานั้นจะต่างกับการพิมพ์เป็นรูปคำ

ตัวอย่าง กรณีที่ต้องการส่งสินค้าไปขายที่ประเทศอเมริกา ปกติเวลาพิมพ์ค้นหาจะใช้คำว่า “ส่งสินค้าไปขายในประเทศอเมริกา ต้องทำอย่างไร” แต่หากใช้ Voice Search คำอาจถูกเปลี่ยนและกระชับให้สั้นขึ้นเป็น “ส่งของไปอเมิกา” หรืออีกตัวอย่าง หากต้องการขายสินค้าบนเว็บไซต์อเมซอนต้องเริ่มอย่างไร อาจพิมพ์ค้นหาด้วยคำว่า “วิธีการขายสินค้าบนอเมซอน” แต่หากใช้ Voice Search คำอาจถูกเปลี่ยนและกระชับให้สั้นขึ้นเป็น “ขายสินค้าบนอเมซอน”


ในหลายธุรกิจเริ่มปรับตัวให้เท่าทัน Voice Search ด้วยการนำคำค้นหาที่คาดว่าจะมากจาก Voice Search เข้าไปในเว็บไซต์และบทความของตน เพื่อเพิ่ม SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจ และเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจมากขึ้น

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.