ชนิดผ้าและคุณสมบัติของผ้า

pse1.jpg

ชนิดผ้าและคุณสมบัติของผ้าโดยทั่วไปจะถูกจำแนกตามส่วนผสมของสัดส่วนเส้นใย ซึ่งสามารถจำแนกชนิดผ้าพอสังเขป ได้ต่อไปนี้

1. ผ้า TK หรือที่เรียกทั่วไปว่าผ้าใยสังเคราะห์(Polyester)

เป็นผ้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นผ้าใยสังเคราะห์ประเภท Polyester ซึ่งคือเส้นใยสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เกิดจากสารประกอบโพลีเมอร์ โดยมีลักษณะและคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ข้อดี :
1. เป็นผ้าที่สามารถคืนรูปง่ายไม่ว่าจะแห้งหรือเปียก ดูแลรักษาง่าย อยู่ทรง ไม่ค่อยหดและย้วย
2. สีค่อนข้างสด และซีดยาก
3. สำหรับผ้า Polyester บางประเภท สามารถนำมาเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ได้ เช่น คุณสมบัติในการซับเหงื่อ หรือคุณสมบัติที่ทำให้สวมใส่สบาย
4. โดยทั่วไปราคาเสื้อที่ทำจากผ้า TK จะมีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับผ้าชนิดอื่น

2. ผ้า TC

เป็นผ้าที่มีส่วนผสมของ Cotton มาช่วยเพิ่มความนุ่มให้กับ Polyester ในสัดส่วนการผสมที่ Polyester 65% กับ Cotton 35% ซึ่งมีลักษณะและคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
ลักษณะเนื้อผ้า :มีความนุ่มกว่าผ้า TK เนื่องจากประกอบด้วยส่วนผสมของผ้า Cotton ซึ่งถือเป็นเส้นใยธรรมชาติจากฝ้าย ช่วยเพิ่มความนุ่มให้แก่เนื้อผ้า
ข้อดี               :ระบายความร้อนได้ระดับหนึ่ง ส่วมใสสบายและการดูดซับเหงื่อดีพอใช้ เมื่อเทียบกับผ้า TK
ข้อเสีย            :ผ้าอาจมีความย้วยบ้างเมื่อผ่านการซักหลายๆครั้ง

3. ผ้า CVC

เป็นผ้าที่มีส่วนผสมของ Cotton80% และ Polyester20% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ทำให้ได้คุณสมบัติผ้าที่ดีขึ้นเนื่องจากเป็นการนำเส้นใยธรรมชาติ(Cotton) มาผสมผสานกับเส้นใยสังเคราะห์(Polyester) โดยลักษณะผ้าและคุณสมบัติผ้า มีดังนี้
ลักษณะผ้า       :เนื้อผ้าแน่น และนุ่ม เนื้อผ้ามีความละเอียด ใส่สบาย
ข้อดี                :เป็นเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง ระบายอากาศได้สูง ดูดซับเหงื่อได้ดี
ข้อเสีย             :ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผ้า TK และ TC

4. ผ้า Cotton 100%

เป็นผ้าที่เกิดจากเส้นใยฝ้าย(เป็นเส้นใยธรรมชาติ 100%) นำมาปั่นให้เป็นเส้นด้าย แล้วนำมาทอเป็นผืนผ้า ซึ่งคุณภาพของผ้าจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเรียงตัวกันของเส้นด้าย ความหนาของเส้นด้าย และอาจเป็นที่ความบริสุทธิ์ของเส้นด้าย เป็นต้น โดยที่ถ้าจะแบ่งคุณภาพของผ้า Cotton ตามท้องตลาดทั่วไป สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. การแบ่งตามชนิดของเบอร์เส้นด้าย สามารถจำแนกได้ 3 เบอร์ ดังนี้

1.1 Cotton 100% ที่ใช้เส้นด้าย No.20 ถือเป็นเส้นด้ายที่มีขนาดใหญ่กว่าเส้นด้ายเบอร์ 32 ลักษณะเนื้อผ้าจึงมีความหนาและแข็งกว่าผ้าCotton 100% เบอร์32
1.2 Cotton 100% ที่ใช้เส้นด้าย No.32 มีลักษณะนุ่ม และใส่สบายกว่า เบอร์ 20 จึงนิยมใช้ทำเป็นเสื้อยืดมากกว่า แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
1.3 Cotton 100% ที่ใช้เส้นด้าย No.40  ซึ่งถือเป็นเส้นด้ายที่มีขนาดเล็กมาก ส่วนใหญ่จึงต้องสั่งทอพิเศษ เพราะต้องอาศัยการผลิตจากเครื่องจักรและเป็นการผลิตที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูง ดังนั้น หากเรานำมาผลิตเสื้อยืดก็จะทำให้มีต้นทุนที่สูงตาม จึงยังไม่เป็นที่พบเห็นในท้องตลาดเท่าที่ควร

2.การแบ่งตามกระบวนการผลิตเส้นด้าย

เป็นการแบ่งตามคุณภาพของการเรียงตัวของเส้นด้าย ที่วัดจากสม่ำเสมอ ความหนาแน่น และความสะอาดของเส้นใย เพื่อได้เส้นด้ายที่มีคุณสมบัติที่ดีเมื่อนำไปทอเป็นผืน โดยการแบ่งคุณภาพดังกล่าวนี้ เราจะเริ่มกันตั้งแต่ กระบวนการผลิต / พันธุ์ของฝ้ายที่ลือกใช้ / การคัดแยกคุณภาพหลังเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ได้เกรดผ้าฝ้าย 3 เกรด ดังนี้
2.1 Cotton OE เป็นผ้าที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดคุณภาพของเส้นใยฝ้าย ทำให้ผ้าชนิดนี้มีความทนทานค่อนข้างต่ำ ขาดง่าย
2.2 Cotton Semi เป็นผ้าที่ได้จากการผ่านกระบวนการคัดคุณภาพของเส้นใยฝ้าย โดยวิธีการสางเส้นใยฝ้ายโดยใช้เครื่องจักร ทำให้ได้เส้นด้ายใยสั้นที่มีขนาดเบอร์20-32  ซึ่งทำให้ผ้ามีความนุ่มขึ้นกว่า OE
2.3 Cotton Comb เป็นการคัดคุณภาพของเส้นใยโดยวิธีการหวีเส้นใยด้วยเครื่องจักร ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่มีความละเอียดและซับซ้อนกว่าแบบสาง ส่งผลให้ได้เส้นด้วยที่มีขนาดเล็ก (คือเบอร์32ขึ้นไป) อีกทั้งกระบวนการดังกล่างยังสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยได้มาก จึงได้เส้นด้ายที่มีเส้นใยยาวกว่า เมื่อนำมาทอผ้าเป็นผืน จึงได้ผ้าที่มีเนื้อนุ่ม เหนียว และทนทานขาดยากกว่ากว่า OE และ Semi

5. ผ้า Endurance

เป็นผ้าที่มีส่วนผสมของ Polyester100% แต่ได้มีการนำนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษบางประการให้กับเนื้อผ้า เพื่อเพิ่มประโยชน์แก่ผู้ใช้ โดยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวทำให้ ผ้าEnduranceเป็นผ้าที่มีการระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้าไม่ติดตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะเวลาสวมใส่ ดูแลง่าย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษในการต่อต้านแบคทีเรีย ทำให้ไม่เกิดกลิ่นเหม็นอับแม้ว่าเหงื่ออกมาก

6. ผ้า Dry-Tech

เป็นผ้าที่ใช้เทคโนโลยีแบบทอสองชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ทำให้ตัวผ้ามีคุณสมบัติสามารถดูดซับเหงื่อได้ดีมากขึ้น โดยตัวผ้าจะดูดซับเหงื่อจากร่างกายและส่งผ่านไปยังผิวด้านนอก ช่วยให้ผ้าระบายอากาศได้ดี ใส่สบายแม้วันที่อากาศร้อนก็ตาม

เราจะเห็นว่าผ้าชนิดต่างๆที่เราสวมใส่หรือใช้ในชีวิตประจำวันมาจากชนิดผ้าจำแนกตามส่วนผสมของสัดส่วนเส้นใยปรับให้เหมาะกับการใช้งานเช่น

  • ผ้าเทอร์รี่ ใช้ทำผ้าขนหนู เกิดจากการปั่นเส้นด้ายให้เป็นเกลียว แล้วนำไปทอให้เกิดขน
  • ผ้าทวีด” (Tweed) หนึ่งในผ้าที่ให้ลุคหรูหราและคลาสสิกเป็นสัญลักษณ์ของความโก้หรู  เหมาะกับลุคที่ต้องการดูภูมิฐานและดูแพง
  • ผ้ากำมะหยี่ คือหนึ่งในบรรดาเนื้อผ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราชนิดหนึ่ง โดยใช้เส้นใยขนสัตว์แบบดั้งเดิม เช่น โมแฮร์ ขนแกะ ไหม เป็นต้น รองลงมาเป็นเส้นใยจากพืช เช่น เส้นใยฝ้าย เส้นใยลินิน ซึ่งจะมีสัมผัสและความเงางามที่แตกต่างกันออกไป จนถึงผ้ากำมะหยี่ที่ทำจากเส้ยใยสังเคราะห์ล้วนหรือผสมกันระหว่างเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์
  • ผ้าผสม (ผ้าฝ้าย – โพลีเอสเตอร์, ผ้าฝ้าย – เรยอน) เป็นเส้นใยที่เกิดจากการค้นคว้าและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, คุณสมบัติ และประโยชน์ใช้สอยของเส้นใยได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากเส้นใยปกติทั่วไปที่ได้จากพืชและขนสัตว์

บทความจาก : https://klipple.com/pages/fabric

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.