ถ้าพูดถึงเรื่องแฟชั่นการแต่งกายในทุกวันนี้จะพบได้ว่ามีหลากหลายแนว หลายสไตล์ที่ผู้คนให้ความสนใจและมีแนวทางการแต่งกายที่เป็นของตัวเอง แต่พื้นฐานการแต่งกายต้องมีปัจจัยหลักคือเรื่องของสี ใน 1 วัน คุณสามารถใส่สีบนร่างกายของคุณได้โดยการแต่งตัว แต่ก่อนที่คุณจะเลือกสีเครื่องแต่งกายได้อย่างเหมาะสม คุณต้องไปทำความรู้จักเรื่องของวงล้อสีก่อน
Color wheel วงล้อสี

วงล้อสีถูกคิดค้นครั้งแรกโดย Sir Lsaac Newton ในศตวรรษที่ 18 เขาได้แยกสีในวงล้อเพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ของสีต่างๆ ออกเป็นหมวดหมู่ดังต่อไปนี้
Primary Colors
ในหมวดนี้จะประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน เป็นสีที่ไม่สามารถผสมสีอื่นๆเพื่อให้ได้เฉดสีหมวดนี้ได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลุ่มแม่สี ซึ่งหากมองในภาพของการแต่งกายคุณสามารถใช้แม่สีเพียงสีเดียวในการแต่งกายจะทำให้ออกมาดูดีเลยทีเดียว โดยการแต่งกายเป็นลุคคุมโทนเช่น การใส่เสื้อยืดตัวบนสีขาวกับกางเกงแสล็คหรือยีนส์สีน้ำเงิน หรือเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้ม เป็นต้น แต่หากต้องการใช้แม่สีหลายสีในการแต่งกายคุณอาจจะใช้สีโทนกลางต่างๆ(จะพูดถึงในหัวข้อถัดไป)เข้ามาเป็นตัวช่วยได้
Secondary Colors
สีในหมวดนี้จะเกิดจากการรวมกันของสีหลักในหมวด Primary Colors โดยมีการผสมกันและเกิดสีใหม่ดังนี้ สีแดง + สีเหลือง = สีส้ม / สีแดง + สีน้ำเงิน = สีม่วง / สีน้ำเงิน + สีเหลือง = สีเขียว
Tertiary Colors
สีในหมวดนี้จะเกิดจากการผสมระหว่างสีหลัก Primary colors กับสีรอง Secondary Colors ซึ่งจะทำให้เกิดเฉดสีใหม่ๆ เช่น สีฟ้าน้ำทะเล สีมิ้นต์ สีแดงส้มปะการัง
ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีที่ใช้กันตามหลักสากลและสามารถใช้กับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสี รวมไปถึงการใช้มันสำหรับเสื้อผ้าที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อนี้ ซึ่งสามารถใช้วงล้อสีเพื่อหลีกเลี่ยงสีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) ในการแต่งตัวได้ เนื่องจากสีบางคู่ที่อยู่ตรงกันอาจจะดูสวยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้การแต่งกายของคุณดูสวยขึ้น แต่อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดที่จะแต่งตัวโดยใช้สีตรงข้ามกันคือให้อีกสีหนึ่งอ่อนกว่าอีกสี เช่น การจับคู่เดรสสีน้ำเงินสดเข้ากับผ้าคลุมไหล่และร้องเท้าสีทองซีดๆ
Warm And Cool Colors สีที่อบอุ่นและสีที่เย็น

จากที่เห็นในภาพประกอบจะเห็นได้ว่ามีการแบ่งเฉดสีวงล้อออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวาคือเฉดสีที่อบอุ่น เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีน้ำตาล ฯลฯ สีโทนนี้จะทำให้สิ่งต่างๆที่มีสีเฉดเหล่านี้ดูมีขนาดเล็กลงและเป็นเหตุผลที่พวกเราชอบใส่เสื้อผ้าสีที่อบอุ่นมากกว่าเพื่อทำให้รู้สึกผอม ส่วนสีที่อยู่ฝั่งซ้ายของภาพเป็นสีที่เย็นตา เช่น เฉดสีฟ้า สีม่วง สีเขียว ฯลฯ เป็นเฉดสีที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
การจับคู่สีโทนร้อนเข้ากับสีโทนร้อน หรือการจับคู่สีโทนเย็นเข้ากับสีโทนเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเริ่มต้นที่ดีเพื่อให้ได้สีที่เข้ากัน
การใช้สีข้างเคียง (Analogous Colors)
สีข้างเคียงจะเป็นสีที่อยู่ข้างๆ กันในวงล้อสี เช่น สีแดงกับสีส้ม สีเขียวกับสีฟ้า เป็นสีที่อยู่ใกล้กันดังนั้น เมื่อจับคู่กันแล้วมันจะออกมาดูดีได้อย่างง่ายๆ ตัวอย่างเช่น การใส่เดรสสีแดงเลือดหมูกับเครื่องประดับสีทองและรองเท้าสีชมพู

แต่ข้อควรระวังคือการหลีกเลี่ยงที่จะใช้สีข้างเคียงมากกว่า 3 สีขึ้นไปในการแต่งกายหนึ่งครั้ง จากภาพตัวอย่างด้านบนจะเห็นได้ว่ามีสีข้างเคียง 3 สี (สีชมพูอ่อน สีเนื้อคน และสีเทาควันบุหรี่) ดังนั้นไม่ควรจะมีสีที่สี่เช่นสีม่วงหรือสีส้มเข้าไปอีกไม่ให้ดูเยอะเกินไป
Neutral Colors : สีที่เป็นกลาง

สีที่เป็นกลางเช่น สีดำ สีเทา สีขาว สีน้ำตาล ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแต่งกายให้มีสีเข้ากัน สีโทนกลางจะช่วยเน้นสีอื่นๆที่คุณเลือก และทำให้มันดูเข้ากันยิ่งขึ้น อีกทั้งดูไม่เยอะเกินไป
สีขาว เมื่อมีการนำไปผสมเข้ากับสีต่างๆจะทำให้สีนั้นๆสว่างขึ้นจะเรียกว่า ทินต์ (Tints) และหากเมื่อผสมเข้ากับสีดำมันจะเข้มลง จะเรียกว่าเฉด (Shades) ส่วนโทนสีต่างๆ (Tones) ถูกสร้างขึ้นโดนการผสมกับสีเทา
ข้อควรระวัง : อย่าจับคู่บางสีเข้าด้วยกัน เนื่องจากสีบางสีนั้นไม่เหมาะที่จะจับคู่กันแต่หลายคนยังคงเข้าใจว่ามันเข้ากันได้ คุณต้องหลีกเีลี่ยงแฟชั่นแบบพลาดๆ จะช่วยทำให้คุณเลือกสีเสื้อผ้าได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

- สีดำนั้นเข้ากับแทบทุกสี แต่มีสองสีที่ไม่เข้ากับสีดำ คือสีน้ำเงินเข้ม กับสีน้ำตาลเพราะมันเป็นสีที่ใกล้กันเกินไป อย่าจับคู่มันเข้ากัน เว้นแต่ว่าคุณจะมั่นใจมากๆ
- สีน้ำตาลกับสีเทาก็ดูไม่เข้ากัน เนื่องจากมันเป็นสีโทนกลางทั้งคู่และค่อนข้างจะไม่มีสีสัน
เทคนิคในการจับคู่สีเครื่องแต่งกาย
1.ใช้สีโทนกลางในการแต่งกาย เช่น สีเทาเป็นตัวเลือกที่ดีในการแต่งกาย ลองจับคู่กระโปรงสีเทากับเสื้อตัวบนสีม่วงเข้ม หรือเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีเทา เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เสื้อตัวบนสีโทนกลางและใส่กางเกงที่มีสีสัน เช่น กางเกงสีแดงกับเสื้อสีเทา เพราะกางเกงมีสีสันจะเป็นจุดดึงดูดสายตามากเกินไป
2.ใช้สีโทนกลางไปทางโทนร้อน ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจ คุณอาจจะยึดการใส่สีโทนกลางไปทางร้อนเช่น สีน้ำตาลหรือสีครีมซึ่งเข้ากันได้ดีและจะทำให้คุณดูสวยและดูดีมากขึ้น

3.เลือกชุดที่มีลวดลายเข้ากับสีโทนกลางหรือสีเดี่ยวๆ เสื้อผ้ามีลายส่วนใหญ่จะหาเครื่องแต่งกายมาแมทช์ด้วยค่อนข้างยาก คุณต้องทำให้ลวดลายดูไม่เยอะเมื่อนำมาแต่งเข้าด้วยกันกับชิ้นอื่นๆ โดยคำแนะนำในข้อนี้คือ ลองจับคู่ชิ้นที่มีลวดลาย 1 ชิ้นเข้ากับโทนสีกลาง 1 หรือ 2 สี เช่น เสื้อลายกับกางเกงยีนส์สีดำ และรองเท้าสีขาว เป็นต้น

4.อย่าใช้สีพาสเทลเยอะเกินไป วิธีที่ดีคือจับคู่สีพาสเทล 1 สีเข้ากับสีโทนกลาง หรือจับคู่สีพาสเทลเข้ากับสีเดียวกันที่มีน้ำหนักเข้มกว่า เพราะมันจะทำให้คุณมีสีสันในการแต่งกายที่จืดเกินไป
5. เพิ่มสีนิดหน่อยไปในการแต่งกายของคุณ ในการแต่งกาย 1 ครั้งคุณอาจมีเครื่องประดับเล็กๆที่มีสีที่มีน้ำหนักเข้ากับสีหลักของเครื่องแต่งกาย เช่น อาจจะใส่ต่างหูสีเหลืองเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีเขียว หรือใส่เนคไทสีน้ำเงินกับเสื่อเชิตสีแดง เป็นต้น