หากดูการตกแต่งภายในในปัจจุบันนี้สไตล์ที่เป็นนิยมอีกสไตล์หนึ่งคือ Industrial style ที่กำลังมาแรง เนื่องจากผู้คนในสมัยนี้มีความนิยมของเก่าๆหรือของแนววินเทจ ซึ่งของหรือสไตล์นี้กำลังมีความเติบโตเป็นอย่างมาก มันไม่ได้มีแค่เรื่องของสิ่งของเก่าๆแต่มันรวมถึงวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ แนวดนตรี ศิลปะ และเรื่องอื่นๆด้วย และเมื่อพูดถึง Industrial style คุณก็อาจจะนึกถึงอีกคำที่มาด้วยกันคือ Industrial chic ซึ่งวันนี้เราจะมาดูว่ามันแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร

Industrial style
สไตล์ Industrial เกิดขึ้นมานานตั้งแต่หลังจากที่อเมริกาได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้โรงงานต่างๆเริ่มมีมากเกินความจำเป็น จึงทำให้โรงงานพวกนั้นถูกปล่อยให้ร้างและผู้คนก็ดัดแปลงอาคารพาณิชย์หรือโรงงานเหล่านั้นมาดัดแปลงเป็นที่พักอาศัยของมนุษย์แทน ซึ่งอาคารเหล่านี้มีพื้นที่กว้างและเพดานสูงเปิดโล่ง จึงทำให้เกิดเป็นกระแสนิยมความสวยงามของความดิบโรงงานมาออกแบบบ้านให้มีรสนิยมและเกิดขึ้นเป็นแนว Industrial ขึ้นมา

ดูยังไงให้เป็น Industrial ล่ะ?
การตกแต่งภายในสไตล์ Industrial นั้นส่วนใหญ่นิยมมี Mood & Tone ความเป็นธรรมชาติของวัสดุตกแต่ง ความดิบ ของไม้ เหล็ก สนิม ปูน อิฐ และมีความโปร่งใสของวัสดุจำพวกแก้ว กระจก และคุมโทนสีส่วนใหญ่เป็นสี เทา ดำ ขาว น้ำตาลหากมองขึ้นไปบนเพดานก็จะเห็นโครงเหล็กสีดำ หรือท่อ Pipe ให้เห็น สำหรับฝาผนังจะเป็นลักษณะเนื้ออิฐเปลือยเรียงราย ส่วนพื้นจะเป็นปูนโดยไม่ได้ปูกระเบื้องหรือปูจะเป็นแบบมาตราฐานง่ายๆ

การตกแต่งภายในสไตล์นี้จะเน้นที่การลดต้นทุนลดส่วนประกอบอื่นๆ โดยไม่ได้ต้องการความสวยงามใดๆเหลือแต่ประโยชน์การใช้งานล้วนๆ แต่การเปลือยวัสดุตกแต่งต่างๆนี้นั้นกลับทำให้สิ่งก่อสร้างมีเสน่ห์ขึ้นมาได้

ซึ่งในปัจจุบันทำให้สไตล์การตกแต่งภายในได้รับความนิยมและทำให้หลายๆคนนำไปตกแต่งภายในบ้าน และปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมลูกเล่นที่ช่วยสร้างมิติแปลกใหม่ให้กับสไตล์ Industrial ได้

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น จากภาพข้างต้นมีการตกแต่งด้วยผนังอิฐไม่ทาสี เดินสายไฟโดยใช้ท่อเปลือยๆ มีการใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นเหล็ก แต่มีการนำโซฟาหนังโดยยังคงความเป็น Industrial ไว้อยู่และแสดงให้เห็นถึงความดิบของรายละเอียดเหล่านั้นได้
แล้วแบบไหนมันคือ Industrial chic กันล่ะ?
จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการพูดถึงสไตล์ Industrial ที่มีการใช้วัสดุหรือส่วนประกอบประหยัดต้นทุน ยังเก็บบรรยากาศเก่าๆของโรงงานหรือสิ่งก่อสร้างนั้นๆได้อยู่ เมื่อเข้าไปแล้วจะรู้สึกว่ามันคือของจริงๆสภาพนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันซึ่งมันแตกต่างกับคำว่า Industrial chic โดยการเพิ่มคำว่า chic เข้ามาโดยมันให้ความหมายว่า เก๋ไก๋ หรือทำให้มันดูโดดเด่น โดยลักษณะนี้จะนำเอาวัสดุตกแต่งที่ให้อารมณ์ Industrial มาตกแต่ง mix&match ให้เข้ากัน เช่น การนำคอนกรีต หิน กระจก บอร์ดไม้ ท่อรีไซเคิลมาแต่งในห้องน้ำ ทำให้เกิดความน่าสนใจสไตล์เท่ๆขึ้นมา หรือการนำเอาแนว Industrial มาปรับเข้ากับความนิยมสมัยปัจจุบัน

จากในภาพจะเห็นได้ว่ามีการทำท่อมาผสมกับปูนเพื่อทำเป็นชั้นวางของ เมื่อได้มองแล้วจะให้ความรู้สึกอารมณ์ของ Industrial แต่มีการใช้สีให้ดูอารมณ์สมัยใหม่มากขึ้น หรือหากพูดในรูปแบบนามธรรมคือ ความดิบของการตกแต่งสไตล์ Industrial น้อยลง และมีความทันสมัยมากขึ้น

การทำชั้นวางของ handmade จากโครงเหล็กก็ถือเป็นการตกแต่งสไตล์ Industrial chic ที่ยังหลงเหลือความดิบที่เปลือยเหล็กและมีความเก๋ไก๋ไม่ดูกร้าวร้าวจนเกินไปตามยุคสมัยด้วย

หรือการตกแต่งภายในที่มีบรรยากาศทั้งหมดเป็นแบบ Industrial แต่ใช้เฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่เข้าไปผสมผสานด้วยเพื่อให้ดูกลมกลืนและส่งอารมณ์ไปต่อกันได้เหมือนอย่างเช่นรูปข้างต้นที่มีการตกแต่งทุกอย่างแบบโรงงานสมัยเก่าแต่มีการใช้โซฟาหนังสีน้ำตาล และเก้าอี้สมัยใหม่เข้าไปผสมด้วย

ซึ่งจะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างสองคำได้โดย Industrial style อาจะเป็นภาพกว้างกว่า ให้อารมณ์มากกว่า Industrial chic ที่ตกแต่งแค่เพียงบางอย่างหรือบางส่วนให้คงกลิ่นอายความเป็นอุตสาหกรรมยุคดั้งเดิมอยู่แต่ก็มีการปรับให้โมเดิลมากยิ่งขึ้น จึงสามารถใช้ความรู้สึกตัดสินได้ว่าจะใช้คำว่า Industrial หรือ Industrial chic ได้มันแทบแยกลักษณะตายตัวออกจากกันได้ยากหรืออาจใช้ความเป็นยุคสมัยใหม่ที่เข้ามาผสมผสานเป็นตัวตัดสินได้