Art Deco (อาร์ตเดคโค)
เป็นช่วงหนึ่งของ Modernism ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1925 – 1939 Art Deco เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความยากลำบากสงคราม และเศรษฐกิจอันตกต่ำ อาคารบ้านเรือนจึงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายประดับประดา ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเหมือนเครื่องยนต์กลไกต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากอุตสาหกรรม
การดีไซน์จะเน้นรูปทรงและลวยลายที่เป็นธรรมชาติ มีลวดลายเป็นเส้นสายที่เรียบง่าย ได้รับความนิยมในโซนยุโรปอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน อิตาลี เยอรมนี และอเมริกา
ลักษณะเด่นคือใช้เส้นโค้งกับเส้นตรง และมีรูปทรงเลขาคณิตและมีการคำนึงถึงความสมดุล Art Deco มีอิทธิพลส่งไปถึงงานออกแบบในแขนงต่างๆมากมาย ทั้งตกแต่งบ้าน รวมไปถึงการตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
ตัวอย่างอาคารสไตล์ Art Deco (อาร์ตเดคโค)

Niagara Mohawk Building Syracuse,New York
Niagara Mohawk Building Syracuse,New York เป็น “บริษัท สาธารณูปโภคทางไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ” ที่เกิดขึ้นในปี 1932
CHRYSLER BUILDING IN NEW YORK CITY ตึกไครสเลอร์ เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ วิลเลียม แวน อเล็น (William Van Alen)
Empire State Building ตึกเอ็มไพร์สเตต เป็นหนึ่งในตึกสูงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์ก ตัวอาคารสร้างขึ้นจากคอนกรีตเสริมเหล็กคุณภาพสูง มีความสูงทั้งสิ้น 102 ชั้น ก่อสร้างโดย บริษัท สตาร์เร็ตต์ บราเธอร์ แอนด์ เอเกน จำกัด (Starrett Brothers & Eken, Inc.) ในปี 1929

อนุเสาวรีย์ประชาธิไตย อาคารและสิ่งปลูกสร้างสมัยที่คณะราษฎรอยู่ในอำนาจทางการเมืองระหว่าง พ.ศ.2475-2490 เป็นรูปแบบศิลปะสไตล์ Art Deco ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก
__________________________
สไตล์นี้ถูกนำมาประยุกต์ในงานออกแบบต่าง ๆ อย่างงานออกแบบตกแต่งภายใน การออกแบบสไตล์นี้ช่วยให้ห้องดูหรูหราและสง่างามมีรูปแบบที่เฉพาะตัว ใช้ลวดลายที่เป็นลายเส้น มีการนำเอารูปทรงเรขาคณิตมาใช้เพื่อให้เกิดมุมมองทางมิติที่ซับซ้อน

Mood & Tone จะถูกเลือกใช้โทนสีที่เรียบๆ หรือสีพื้น หรือจะเป็นสีโทนเดียวกับสีของโลหะ เพราะจะช่วยสะท้อนในด้านของความสง่างามและทันสมัย ช่วยให้บ้านดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

วัสดุที่นิยมใช้วัสดุจะมีความเรียบเนียนและสะท้อนแวววาว เพื่อสร้างความหรูหรา อย่างเช่น อลูมิเนียม สแตนเลส โลหะชุบโครเมียม กระจก คริสตัล ผ้าเลื่อมพราย หากเป็นงานไม้ก็จะนิยมใช้การขัดเคลือบเงามัน พวกเครื่องแก้วที่ทำด้วยมือ


โคมไฟและสิ่งของประดับตกแต่งนั้น เป็นองค์ประกอบสำคัญของการตกแต่งสไตล์ ART DECO ใช้วัสดุให้มีความแวววาว มันเงาหรือเป็นงานโลหะ ทำให้ภายในบริเวณแลดูมีมิติจากแสง


Pattern ของสไตล์ Art Deco จะเน้นไปที่เส้นสายที่พวยพุ่งเป็นเส้นตรง แสดงให้เห็นถึงพลังที่ออกมาจากของตกแต่งเหล่านั้น ส่วนPattern ที่มีมุมมีเหลี่ยมเหล่านี้ถูกนำไปใช้ออกแบบทั้ง Wallpaper, Partition รวมไปถึงลายกระเบื้อง
งานออกแบบตกแต่งสไตล์ Art Deco ยังสามารถนำมาประยุกต์ให้เป็นไปในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมตามยุคตามสมัย
Hollywood Glam
Hollywood Glam และ Art Deco เกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้ 2 สไตล์นี้มีความใกล้เคียงกันอย่างมาก แต่ต่างตรงที่ Hollywood Glam จะมีความอ่อนช้อยกว่า


Hollywood Glam สามารถเรียกได้อีกแบบ คือ Hollywood Regency
โดยสไตล์นี้มีชื่อเสียงมากในปี ค.ศ. 1920-1930 เพราะเป็นยุคทองของฮอลลีวูด และในทุกภาพยนต์จะมีการตกแต่งแบบ Art Deco William Haines ดีไซน์เนอร์ชื่อดังจึงนำภาพลักษณ์ของดาราฮอลลีวูดเข้ามาในบ้านและในที่สุดก็สร้างสไตล์นี้
การแต่งห้องสไตล์ Hollywood Glam คือการแต่งห้องให้มีความหรูหรา อู้ฟู่ มีลายเส้นและสีสันในห้องทำให้ห้องดูมีมิติสูง สร้างความอลังการและน่าทึ่ง เร้าใจ ตามแบบฉบับดาราดังของ Hollywood
สิ่งที่โดดเด่นคือ สีของโต๊ะและโซฟาที่นิยมคือ ม่วง แดง เขียว และ สีทอควอยซ์ หรือ สีน้ำเงิน และมีลวดลายกราฟิกเข้ามาผสมผสาน เพื่อให้โดดเด่นขึ้นมา

ส่วนสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์เป็นทรง Classic ใช้วัสดุหลักเป็นเหล็กสีทอง และเพิ่มเมทัลลิก กระจก คริสตัล เข้ามาให้มีความทันสมัย ส่วนเครื่องประดับและโคมไฟเก๋ๆ จะวาง ไว้รอบห้องเพื่อความน่ามอง น่าดู
สีของผนังและพื้น จะเป็นสีโทนธรรมชาติ เป็นสีพื้น ๆ
**สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ การใช้พรมลายกราฟฟิกต่าง ๆ การเพิ่มโซฟาเย็บบุ๋ม

สิ่งที่มักจะประดับอยู่ในห้องแบบ Hollywood Glam คือแชนเดอเลียร์ โดยอาจจะใช้ได้ตั้งแต่แชนเดอเลียร์คริสตัลดั้งเดิม หรือมีการดัดแปลงให้ทันสมัยขึ้นด้วยวัสดุเหล็ก ไปจนถึงแชนเดอเลียร์แบบ Modern
ห้องสไตล์แบบนี้จะสะท้อนถึงความอลังการในตัวตนของเจ้าของห้อง บุคลิกของห้องคือการเป็นจุดเด่นศูนย์กลางสายตา มีความมั่นใจ ความหรูหราและดูแพงในสไตล์ยุคทองของดารา Hollywood