ในปัจจุบันแบรนด์ต่างๆทั่วโลกล้วนต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้สดใหม่ในทุกๆระยะ เทรนด์การสร้างแบรนด์ที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับในบทความนี้ได้รวบรวม 7 ไอเดียในการสร้างแบรนด์สินค้าในยุคนี้ ว่าผู้คนนิยมที่จะใช้กลยุทธ์ใดเพื่อสร้างความน่าดึงดูดและความแตกต่างให้กับแบรนด์ได้บ้าง

Put a face to the name – ใช้ใบหน้ามนุษย์ใส่ลงบนแบรนด์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยากเห็นมนุษย์คนอื่นๆ ใบหน้า หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน สังเกตุได้จากโซเชียลมีเดียต่างๆ การใช้ใบหน้าคนเพื่อเป็นไอคอน หรือโลโก้ของแบรนด์จึงสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์นั้นๆได้โดยเฉพาะใบหน้าที่มีบุคลิกที่ชัดเจน หลายๆแบรนด์จึงนิยมใช้ใบหน้ามนุษย์ในการสร้างแบรนด์มากยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่าง โลโก้สไตล์การ์ตูนของบริษัทเบียร์และอาหาร ถูกออกแบบโดย NikolaN™ เป็นงานศิลปะเสมือนจริงที่มีสีสันพาสเทล สวยงาม

Use quirky art ใช้งานศิลปะที่ดูแปลกตาและโดดเด่น – มันเหมาะสมอย่างมากกับแบรนด์ที่กำหนดตลาดเป้าหมายที่มีอายุน้อย หรือกลุ่มวัยรุ่น การทำการตลาดสำหรับแบรนด์จึงต้องมุ่งเน้นไปที่ความเฟรนลี่ ทันสมัย และที่สำคัญมากคือปัจจัยความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร การสร้างแบรนด์จากลักษณะความตลกหรือน่ารักเป็นลักษณะที่น่าสนใจสร้างการจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ใช้เฉดสีสร้างความรู้สึกที่แตกต่าง – จริงอยู่ที่ในอดีตผู้คนมักใช้โทนสีที่เรียบง่าย ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะจดจำแบรนด์หลายๆแบรนด์จากสีเป็นส่วนใหญ่ เช่นหากคุณมองเห็นสีน้ำเงินคุณก็จะนึกถึง Pepsi แต่หากเป็นสีแดงคุณก็จะนึกถึง Coke กฎการใช้สีที่มีในอดีตยังสามารถใช้ได้ผลในปัจจุบันอยู่แต่นักออกแบบปรับเปลี่ยนไปเน้นที่การเล่นเฉดสีเพิ่มมากขึ้น พวกเขาใช้เฉดสีที่ดูแตกต่างและพบเห็นได้ยากมากขึ้น มักทำให้แบรนด์ อารมณ์ของแบรนด์ดูโดดเด่นขึ้นเช่นเดียวกัน และการใช้สีพาสเทลยังคงเป็นที่นิยมในการใช้ออกแบบ หรือสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้

99designs.com

การแสดงจุดยืนเดียวกันกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย – แบรนด์หลายๆแบรนด์ในปัจจุบันนิยมที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องกับจุดยืนของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย หมายความพวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายมองว่าแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด เป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างพวกเขา เช่น หากแบรนด์ต้องการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับการรักษ์โลกแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าหลักของเขาคือกลุ่มคนรักโลก การสร้างแบรนด์ โฆษณา หรือการใช้บรรยากาศสร้างอารมณ์จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน

หากยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนมากที่สุดคือ Elon Musk มหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าของธุรกิจ Tesla หากคุณพูดถึง Tesla แน่นอนว่าคุณต้องนึกถึงรถยนต์แห่งอนาคตไร้น้ำมัน ความเป็นเทคโนโลยี ล่าสุดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาเขาทุ่มเงินซื้อบิทคอย สกุลเงินดิจิทัลแห่งอนาคตไปจำนวนกว่า 45000 ล้านบาท หรือประมาณ 8% ของบริษัท และมีแผนที่จะให้ผู้ซื้อใช้บิทคอยเพื่อชำระเงินซื้อรถ Tesla ได้ นอกจากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับราคาบิทคอยเป็นอย่างมากแล้วเขายังสามารถสะท้อนความเป็นนวัตกรรมผ่านการกระทำครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนกับคำว่าแบรนด์แห่งอนาคต

ขยายแบรนด์ด้วยลวดลายเรขาคณิต – การใช้ส่วนตกแต่งเพิ่มเติมหรือส่วนเสริมของแบรนด์จากภาพกราฟิกซ้ำๆจำนวนมากก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน ลักษณะการใช้วอลเปเปอร์ที่เป็นเหมือนการสะกดจิตมันช่วยเพิ่มจุดสนใจให้กับโลโก้หรือชื่อแบรนด์นั้นๆ คุณอาจเคยเห็นแบรนด์ดังๆหลายแบรนด์ในสไตล์นี้มันสามารถสร้างจินตนาการให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี

ทำให้ดูหยาบ ไม่สมมาตร ไม่เท่ากัน – มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบลักษณะการออกแบบที่ดูจะเท่ากันแต่ไม่เท่า ดูจะเกินแต่พอดี ลักษณะสไตล์นี้นั้นมักถูกนำมาออกแบบแบรนด์ สินค้า หรือโลโก้บ่อยครั้งพวกเขามักจะใช้เส้นที่ดูจะต่อกันแต่ไม่ต่อ หรือการวางกราฟิกแบบลวกๆ รวมกับการใช้ภาพประกอบและตัวอักษรที่เขียนด้วยมือสำหรับการทำบรรจุภัณฑ์ต่างๆ มันเข้าได้ดีกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นที่ค่อนข้างคิดนอกกรอบ แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ต้องยอมรับว่าลักษณะการสร้างแบรนด์แบบนี้ไม่สามารถใช้ได้กับทุกแบรนด์ควรที่จะศึกษาถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ให้ดีก่อนเลือกใช้

ปัจจัยข้อสุดท้ายคือสร้างประสบการณ์กับแบรนด์ที่น่าประทับใจ – แบรนด์ของคุณไม่ได้มีแค่โลโก้ บรรจุภัณฑ์ หรือเว็บไซตืเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนประกอบอื่นๆอีกมากมาย ลูกค้ามักจะคาดหวังที่จะได้รับสิ่งที่มากกว่านั้น หากแบรนด์มีการเล่าเรื่องราวสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้าของเขาได้จะทำให้แบรนด์นั้นๆแข็งแรงขึ้นเป็นอย่างมาก ลูกค้าเป้าหมายของคุณยากที่จะเปลี่ยนไปใช้อีกแบรนด์หนึ่ง เจ้าของแบรนด์ต่างคิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเช่นสัมผัสแรกที่ลูกค้าได้รับสินค้าจากแบรนด์หรือการอธิบายแบรนด์ออกมาในลักษณะของภาพ วิดีโอและที่เห็นบ่อยในปัจจุบันคือการเอาแบรนด์ดังๆไปทำหนัง มันจะทำให้ลูกค้ารู้ถึงประวัติและเส้นทางการกว่าจะมาเป็นแบรนด์นั้นๆจนถึงทุกวันนี้