Ahrefs อีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ทำ SEO ให้กับเว็บไซต์แล้วเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง ทาง Ahref ออกมาเคลมว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับลิงก์เว็บไซต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่จะใช้งานสูงด้วยเช่นเดียวกัน ในบทความนี้เราจะพูดลักษณะฟังชั่นการใช้งานและหน้าตาของมันกัน
Ahrefs > สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ที่ครอบคลุมในทุกๆด้านทั้ง Keyword Analysis, Backlink Analysis, Competitor Analysis, Website Audit แต่ข้อจำกัดของเว็บไซต์นี้นั่นคือแม้คุณจะต้องการทดลองใช้คุณจำเป็นต้องเสียเงินเพื่อใช้ตั้งแต่เริ่มต้น และหากคุณจะใช้รายเดือนค่าใช้จ่ายจะตกอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท

Ahrefs แบ่งเครื่องมือออกเป็น 5 ส่วนที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้
- Site Explorer
- Keyword Explorer
- Site Audit
- Rank Tracker
- Content Explorer
- Site Explorer เป็น report ที่ใช้วิเคราะห์เว็บไซต์ที่น่าสนใจ เว็บไซต์คู่แข่ง หรือเว็บไซต์ของเราเช่นเดียวกัน สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ในหลายหัวข้อย่อยทั้ง Backlink Profile, Organic Keyword, Top pages ที่มี Organic Traffic ที่มีปริมาณสูง
- Keyword Explorer ไว้ใช้หาข้อมูลเกี่ยวกับ Keyword ที่อยู่บนฐานข้อมูลของ Google ใน report จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ Keyword, KD (Keyword Difficulty) เพื่อดูความยากง่ายในการใช้ keyword นั้นๆบอกถึงปริมาณการค้นหาและข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับคำนั้นๆเพื่อประกอบการทำ SEO ก็มีทั้งหมดอยากครอบคลุม
- Site Audit เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Ahref ที่สามารถสร้าง report โดยการส่ง Bot เข้าไปในเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน และสรุปรายงานออกมาเป็นปัญหาต่างๆที่มี เช่น หน้าใดที่ไม่มีการเขียน Title Description, H1 H2 ต่างๆ และหน้าใดที่มีข้อมูลซ้ำกัน และสามารถแก้ไขต่อได้ทันที
- Rank Tracker สร้าง report ในการติดตาม Track ของ Keyword ทั้งหมดที่เราสนใจ เพื่อดูการเพิ่ม-ลดอันดับสามารถดูได้ย้อนหลังรายเดือนได้ สามารถดูได้แบบแยกรายการการใช้งาน mobile หรือ pc ที่สามารถวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และสามารถดูรายงานได้ละเอียดเป็นจุดเด่นของฟังชั่นนี้
- Content Gap Analysis เป็น reports ที่เอาไว้ใช้ดู Keyword ของคู่แข่ง สามารถช่วยคุณกำหนดกลยุทธิ์ทางการตลาดออนไลน์ได้เป็นอย่างดี คุณสามารถเข้าไปรีเสิชคำที่คู่แข่งของคุณใช้ได้และนำคำคำนั้นมาเขียนเป็นคอนเทนต์ที่ดีกว่าหรือตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า แต่หากคุณดูแล้วการที่จะไปแข่ง Keyword กับคู่แข่งที่เหมือนติดลมบนไปแล้วนั้นยากเกินไปคุณอาจต้องเปลี่ยนคำที่ใกล้เคียงมาใช้แทนได้เช่นเดียวกัน
The Best Pages by Incoming Links reports ที่ไว้ใช้ดูจำนวน Backlinks บนแต่ละหน้าเว็บไซต์ของเรา และสามารถดูแยกทั้ง Dofollow และ Nofollow นอกจากนั้นยังใช้ดู Backlinks ที่ยังติด Error 404 ได้
ทั้งหมดนี้เป็นความสามารถของเครื่องมือ Ahrefs ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากหากจะเลือกเครื่องมือเพื่อใช้ในการทำแผน SEO อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพสูง เป็นเครื่องมือที่มีรายละเอียดค่อนข้างมากต้องใช้ความเข้าใจในการใช้งานจึงจำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควร แต่หากคุณใช้เป็นตัวช่วยในการทำการกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มันจะเพิ่มความง่ายให้แก่คุณได้เป็นอย่างดี