เครื่องวัดเสียงเดซิเบล คืออะไร เป็นยังไงบ้าง ก่อนที่จะมารุ้จักกับเครื่องวัดเสียง จะขออธิบายเกี่ยวกับ เสียง ที่เกิดขึ้น หน่วยของการวัดเสียง และ อันตรายที่เกิดจากเสียง เบื้องต้น

https://www.neonics.co.th/sound-level-measurement/decibel-level.html
“นิยามของเสียง ”
เสียง คือพลังงานที่เคลื่อนที่เป็นคลื่นและวัดด้วยความถี่และแอมพลิจูด (ความสูงของยอดคลื่น) ความถี่มีหน่วยเป็นเฮิรตซ์ (Hz) วัดจำนวนการสั่นสะเทือนของเสียงในหนึ่งวินาที แอมพลิจูดที่รายงานในระดับเดซิเบล (dB) จะวัดความดันหรือความแรงของเสียง ยิ่งเสียงมีแอมพลิจูดมากเท่าใดก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเสียงที่เราวัดจะเรียกหน่วย เป็น เดซิเบล
“เดซิเบล”
เดซิเบล หรือ เดซิเบลลอการิทึม (dBA) มาตราส่วนเดซิเบลวัดระดับความดันเสียงในระดับลอการิทึม (ยกกำลังด้วย 10) การตอบสนองของหูมนุษย์ต่อระดับเสียงก็เช่นกันการเพิ่ม 3 dBA เป็นการเพิ่มความเข้มของเสียงเป็นสองเท่า แต่จะต้องเพิ่มขึ้น 10 เดซิเบลในการอ่านค่าเดซิเบลของคุณจึงจะได้ยินเป็นสองเท่าของระดับเสียงที่หู แม้แต่เดซิเบลที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเข้มของเสียง ตัวอย่างเช่น 90dBA นั้นรุนแรงกว่า 80dBA ถึง 10 เท่า

https://www.neonics.co.th/sound-level-measurement/decibel-level.html
“เสียงรบกวน “
เสียงรบกวน มีลักษณะเป็นเสียงที่ไม่ต้องการ เสียงนี้วัดเป็นหน่วยที่เรียกว่าเดซิเบล (dB) ซึ่งจะบอกคุณว่าเสียงดังแค่ไหนและเสียงดังมากพอที่จะทำลายการได้ยินหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะได้รับความเสียหายจากการได้ยินเมื่อสัมผัสถึงระดับที่เกิน 85dBA ซ้ำๆ หรือแม้แต่สูญเสียการได้ยินอย่างกะทันหัน ที่ระดับมากกว่า 137dB(A)
ระดับเดซิเบลเป็นผลกระทบที่สร้างความเสียหายต่อการได้ยินของเรา ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสเสียงดังระเบิดครั้งเดียวหรือการสัมผัสกับสถานที่ทำงานหรืองานอดิเรกที่มีเสียงดังมากเกินไปในแต่ละวัน เช่น งานเทศการดนตรี การจุดพลุ ปะทัด เป็นต้น การได้ยินของเราจะได้รับผลกระทบที่ตามมา การสูญเสียการได้ยินประเภทนี้ เรียกว่า การสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากเสียง
นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาผลกระทบและได้กำหนดคำแนะนำสำหรับการฟังอย่างปลอดภัยโดยอิงตามระดับเสียงในสภาพแวดล้อมของเรา การได้รับเสียงรบกวนที่ดังกว่า 85 เดซิเบลหลายครั้งหรือเป็นเวลานาน (มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน) อาจทำให้การได้ยินเสียหายอย่างถาวร
1) การสนทนาปกติ 60 dB
2) การจราจรในเมืองหนาแน่น 85 dB
3) เครื่องตัดหญ้า 90 dB
4) เครื่องเล่น MP3 ที่ระดับเสียงสูงสุด 105 dB
5) เสียไซเรน-คอนเสิร์ต 120 dB
6) การแข่งขันกีฬา 105 ถึง 130 dB (ขึ้นอยู่กับสนามกีฬา)
7) เสียการยิงปืน 150 dB

https://www.instrumentasia.com/product-category/
“การตรวจวัดความดังของเสียง“
สามารถวัดเสียงด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า เดซิเบลมิเตอร์ Sound Level Meter หรือ เครื่องวัดเสียง เครื่องมือนี้จะสุ่มตัวอย่างและวัดเสียงโดยให้การอ่านข้อมูลเป็นเดซิเบล (เรียกอีกอย่างว่าเครื่องวัดระดับเสียง) การวัดเสียงของสภาพแวดล้อมด้วยอุปกรณ์ทั่วไปอาจช่วยปกป้องหูได้บ่อยขึ้นซึ่งเครื่องวัดระดับเสียง มีหลายแบบ และแต่ละเเบบ มีความสามารถเจาะจงต่อการวัดเสียงที่ต่างกัน ดังนี้
1. เครื่องวัดระดับเสียง เปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าและแสดงผล เป็นเครื่องมือวัดความดังของเสียง โดยมีหน่วยเป็นเดซิเบล (dB) เหมาะสำหรับตรวจวัดระดับเสียงดังในพื้นที่ทำงาน (Workplace) และตรวจสอบเสียงในสิ่งแวดล้อม (Environmental) การตรวจวัดเสียงต้องใช้เครื่องมือวัดที่ได้รับรองตามมาตรฐาน ซึ่งเหมาะกับโรงงานอุตสหกรรม งานจราจร สถานบันเทิง ระบบขนส่งมวลชน
2. เครื่องวัดเสียงกระแทก สามารถอ่านค่าสูงสุดของเสียงได้ทันที เป็นเครื่องมือวัดแบบติดตัวบุคคล ที่ใช้ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานสัมผัสเสียงดังต่อเนื่องแบบไม่คงที่ โดยเครื่องวัดปริมาณเสียงสะสมต้องได้มาตรฐาน
3. เครื่องวัดปริมาณเสียงสะสม สำหรับบันทึกปริมาณเสียงสะสมและค่าเฉลี่ย เครื่องวัดเสียงกระทบ หรือ เสียงกระแทก เช่น เสียงจากการตอกเสาเข็ม หรือ เสียงจากการทุบ การปั๊มชิ้นโลหะ เป็นต้น อุปกรณ์การวัดต้องได้รับมาตรฐาน
4.เครื่องวิเคราะห์ความถี่ของเสียง สามารถวิเคราะห์ความถี่เสียงและการกระจายของพลังงานเสียงที่ความถี่ต่าง ๆ
ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจวัดเสียง จำเป็นต้องได้รับการปรับเทียบความถูกต้อง (Calibration) ด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบความถูกต้อง (Noise Calibrator) ที่ได้มาตรฐาน IEC 60942