- พาเลท (pallet) เป็นโครงสร้างที่ใช้ในการขนส่งและจัดเก็บสินค้าในโกดังหรือบริเวณโลจิสติกส์ มันช่วยให้สามารถยกและขนสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีหลายประเภทของพาเลท โดยประเภทที่พบบ่อยที่สุดรวมถึง:
- พาเลทแบบยูโร (Euro Pallets): มีขนาดที่มาตรฐานคือ 120 x 80 CM. โดยมักใช้ในยุโรปและบางพื้นที่ของเอเชีย
- พาเลทพีซี (Plastic Pallets): พาเลทที่ทำจากพลาสติกมีความทนทานและไม่รั่วซึม มักใช้ในสถานที่ที่มีความชื้นสูงหรือมีการใช้งานที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
- Nestable Pallets: พาเลทที่สามารถนำเข้าเก็บเข้าไว้ภายในกันเพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ เนื่องจากพาเลทที่ตัวเต๋าเป็นหลุมและสามารถซ้อนกันได้
- คอกพาเลท (Stackable Pallets): พาเลทที่ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดเก็บสินค้าและสะดวกในการนำเข้าออกสินค้าด้วยเครื่องจักรช่วย โดยสามารถรวมเป็นชั้นสูงๆ หรือเรียงสินค้าต่างๆ ได้ในพื้นที่จำกัด ลดความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโกดังได้
- พาเลทขนาดพิเศษ (Custom Size Pallets): พาเลทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการพิเศษของลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าที่มีขนาดหรือรูปร่างพิเศษ
เพิ่มเติม!!! ซึ่งหากพาเลทเป็นไม้จะต้องมีตารประทับ IPPC เป็นกฎบัตรที่ออกมาเพื่อใช้ควบคุมและคุ้มครองป่าไม้และพืชไม่ให้ได้รับผลกระทบ จากการขนส่งระหว่างประเทศซึ่งอาจนำผลกระทบมาสู่ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง
จุดประสงค์ของการใช้ IPPC เพื่อคุ้มครองป่าไม้และพืชโดยไม่ให้มีการแพร่กระจาย ของแมลงที่อาจติดมากับสินค้านำเข้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทไม้ที่ไม่ได้มาตรฐาน
2. เครื่องมือเคลี่ยนย้าย
- ตะกร้ารถ (Trolleys) เป็นโครงสร้างที่มีล้อและใช้ในการพกหรือยกของในโกดังหรือบริเวณที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อความสะดวกในการขนย้ายของและลดความเหนื่อยของพนักงาน
- รถเข็น (Carts) เป็นโครงสร้างที่มีล้อและชั้นหรือพื้นที่เก็บสินค้า มักใช้ในการเคลื่อนย้ายของในพื้นที่โกดังหรือบริเวณที่มีการจัดเก็บสินค้า เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและขนย้ายสินค้าในปริมาณมาก
- รถยก (Forklifts) เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการยกและขนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักหนัก มักใช้ในโกดังหรือพื้นที่ที่มีการจัดเก็บสินค้าที่มีความสูงหรือน้ำหนักมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินค้าในพื้นที่ใหญ่
- รถแฮนด์ลิฟท์ (Pallet jack) หรือ Hand pallet truck เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยกและขนย้ายสินค้าหรือวัตถุด้วยมือ ช่วยให้การขนย้ายสินค้าเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ยกสินค้าที่ใหญ่หรือหนักมาก
3. ระบบลำเลียง (Conveyor Systems): ช่วยให้การย้ายสินค้าในโกดังเป็นไปอย่างรวดเร็วและประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะสำหรับการจัดส่งสินค้าในปริมาณมาก หรือโกดังที่มีขนาดใหญ่
4. ระบบควบคุมสต็อก (Inventory Control Software): เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามและจัดการสินค้าในโกดัง ช่วยลดความผิดพลาดในการจัดเก็บและส่งสินค้า
5. วัสดุกันกระแทก ในการแพ็ค หรือ ห่อสินค้า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันสินค้าจากการเสียหายระหว่างกระบวนการขนส่ง เคลื่อนย้าย ขนถ่าย ซึ่งอุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันในเรื่องนี้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่
- แผ่นกระดาษลูกฟูก ทำหน้าที่เป็นแผ่นรอง หรือแผ่นกั้น เพื่อเก็บสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ หรือทำหน้าที่เป็นตัวห่อหุ้มสินค้า
สามารถแบ่งช่องในบรรจุภัณฑ์เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการกระแทกซึ่งกันและกัน หรือลดการเคลื่อนที่ภายในกล่อง - แผ่นพลาสติกอัดอากาศ มักใช้ในการห่อหุ้มสินค้าชิ้นเล็กๆ เช่น เซรามิก งานหัตถกรรม บางครั้งก็มีการใช้ห่อหุ้มภายนอกของอุปกรณ์ใช้งานภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น ซึ่งมีการขนส่งโดยแท่นรองรับสินค้า
- ฝอยกระดาษ: ความสามารถในการเป็นวัสดุกันกระแทก ขึ้นกับความหนาแน่นในการบรรจุโดยใช้ใส่ลงในช่องว่างของกล่องหรือลัง นิยมใช้กับสินค้าบางประเภทอยู่ เช่นของขวัญ หรือสินค้าที่แสดงถึงความมีคุณค่าสูง เช่น หินแกะสลัก หรืองานฝีมือพวกเซรามิก
- Silica Gel หรือ สารดูดความชื้น : อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการแพ็คของ Silica Gel เป็นสารส่วนประกอบที่ใช้ในการดูดความชื้นมันมักถูกใส่ในถุงหรือภาชนะเพื่อป้องกันการความชื้นและความเสียหายของสินค้าที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นในสภาพแวดล้อม
- กล่องพัสดุ หรือซองพัสดุ: ควรเลือกกล่องที่มีขนาดเหมาะสมกับพัสดุที่ต้องการจะส่ง อาจจะฟังดูเหมือนไม่สำคัญ แต่จริงๆแล้วการเลือกกล่องที่เหมาะสม จะส่งผลดีอีกหลายปัจจัยเลย เช่น เรื่องของความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายของสินค้า จากการขยับไปมา แล้วกระทบกระแทก หรือแม้จะหาวัสดุกันกระแทก ก็จะอาจจะต้องเสียปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
- เทปกาว และ/หรือ เชือกมัด
อาจจะดูเป็นเรื่องทั่วไป ที่ไม่มีอะไรให้ระวังหรือละเลย หากแต่ถ้าเราปิดกล่องพัสดุด้วยเทปกาวไม่ดี อาจจะทำให้กล่องพัสดุเปิดและสินค้าในนั้นร่วงออกมา ดังนั้น อย่างน้อยเราควรปิดฝากล่องแล้วผนึกด้วยเทปกาวทั้ง 3 ด้าน แล้วมัดเชือกรอบกล่องให้เรียบร้อย ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุสินค้าตกหล่นระหว่างขนส่ง
6. ป้ายประเภทสินค้า (Product Labeling): ช่วยให้สินค้าสามารถระบุและติดตามได้ง่ายขึ้น ทำให้การจัดเก็บและการส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอขอบคุณบทความความรู้เบื้องต้นจาก
http://bit.ly/2CGMs7r
http://bit.ly/2EV1066
http://bit.ly/2RbzjHI