สีน้ำ สีน้ำมัน เลือกสีแบบไหนให้เหมาะกับบ้านของเรา

หลาย ๆ คนรู้สึกสับสนกับการเลือกสีชนิดต่าง ๆ มาใช้ให้เหมาะกับงานที่จะทำ ชนิดของสีนั้นมีผลอย่างมากต่อผลงาน ดังนั้นจึงต้องเลือกให้ถูก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดป้องกันไม่ให้เสียทั้งเงิน และเสียทั้งเวลา สีหลัก ๆ ที่ใช้ในการทาผนังในปัจจุบัน แบ่งเป็นสีสูตรน้ำ และสีสูตรน้ำมัน ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกัน แต่สีสูตรน้ำมันนั้น จะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีความมันเงา ใช้กับงานได้หลายประเภท ทั้งงานไม้ ทาประตู เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งพื้นห้องด้วย แต่ทั้งนี้ ในการเลือกให้เหมาะ ก็ต้องรู้ข้อดีและข้อเสีย ของสีแต่ละประเภทก่อนดังนี้

เทคนิคการเลือกสี

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาสีสวย ๆ มาช่วยเปลี่ยนลุคห้องในบ้าน แต่พอไปยืนดูชั้นขายสีแล้วเกิดอาการตาลาย มึนงง และสับสนเพราะมีสีให้เลือกมากมายจนเลือกไม่ถูก ดิฉันมีคำแนะนำค่ะ

​ปกติแล้วจะมีการแบ่งประเภทของสีทาบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

สีน้ำพลาสติก ใช้ทาพื้นผิวที่เป็นปูน มีทั้งประเภทใช้ภายในและภายนอก ซึ่งจะแบ่งย่อยเป็นชนิดด้านและชนิดกึ่งเงากึ่งด้าน

สำหรับชนิดด้าน ห้องที่เหมาะสมน่าจะเป็นห้องนอน ห้องพักผ่อน ห้องหนังสือ คุณสมบัติของสีชนิดด้านนี้คือแห้งเร็ว ประมาณ 20 – 60 นาที โดยผสมกับน้ำธรรมดาตามอัตราส่วนก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นไม่รุนแรง

ส่วนชนิดกึ่งเงากึ่งด้าน คุณสมบัติก็คล้าย ๆ กับชนิดด้าน แต่แตกต่างกันตรงที่สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ไม่ทิ้งคราบติดผนัง เหมาะสำหรับทาทางเดินห้องโถง ห้องเด็กเล่น ห้องอาหาร ห้องเวิร์คช้อป หรือห้องพระ เพราะห้องเหล่านี้เป็นเหมือนศูนย์รวมของสมาชิกในบ้าน มีกิจกรรมในห้องเหล่านี้ค่อนข้างมาก มีโอกาสที่ผนังห้องจะเปรอะเปื้อนสกปรกได้ง่าย

สีสูตรน้ำมันก็มีข้อดีคือ

1.มีปริมาณสารพิษที่ระเหยออกมาต่ำ

2.สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยน้ำธรรมดา

3.เป็นสีที่แห้งเร็ว

4.มีความยืดหยุ่น เมื่อทาแล้ว สีไม่แตกง่าย

5.สีคงสภาพยาวนาน ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

สีน้ำมัน ใช้สำหรับทาผนังไม้ พื้นผิวไม้ เหล็ก เนื้อสีให้ความเงางาม แต่มีกลิ่นที่รุนแรง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมงจึงจะแห้ง ก่อนใช้ต้องผสมกับทินเนอร์หรือน้ำมันสำหรับผสมสี เหมาะสำหรับห้องที่มีกิจกรรมหนัก ๆ เช่น ห้องครัวแบบไทย ๆ (ที่มักจะมีการทอด การผัดแบบดุเดือด) โรงจอดรถ ประตูห้องน้ำ ประตูรั้ว หรือทาภายนอกอาคาร

สีสูตรน้ำมันนั้นเป็นสีที่เป็นที่นิยมใช้กันมากกว่าสีสูตรน้ำ และมีข้อดีอยู่มากมาย ดังนี้

1.ให้ความมันเงา ดูสวยงาม

2.ทาง่าย สีเรียบไม่เป็นรอยขรุขระเมื่อทาเสร็จ

3.สีที่ได้มีความแข็ง และทนทาน

ปัจจุบันทั้งสีทั้ง 2 ประเภทมีการพัฒนาคุณสมบัติให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และเพิ่มความปลอดภัยต่อสุขภาพของเรามากขึ้นอย่างเช่น สีน้ำพลาสติกอะคริลิคที่ปราศจากกลิ่นสารระเหยทินเนอร์ สารปรอท สารตะกั่ว หรือสีน้ำมันที่ผลิตจากอะคริลิคเรซินชนิดพิเศษซึ่งทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่รุนแรงของภูมิประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเราโดยเฉพาะ ทั้งยังสามารถรักษาความเงางาม และคงความสวยสดของสีได้ยาวนานขึ้น ทนต่อเชื้อราที่จะมาเยี่ยมเยียน

การเลือกใช้สีนอกจากต้องเลือกให้ถูกกับการใช้งานแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้ด้วย ก็แหม…เสียสตางค์ทั้งทีก็ต้องให้คุ้มใช่ไหมคะ ถ้าเลือกสียี่ห้อใดแล้วก็ควรจะใช้ยี่ห้อเดียวกันในทุกขั้นตอนของการทาตั้งแต่เริ่มจนเสร็จเรียบร้อย สีที่เปิดใช้แล้วก็ควรใช้ให้หมดนะคะ ไม่ควรเก็บไว้จะทำให้คุณภาพของสีเสื่อมลงไป นำมาทาอีกครั้งก็ไม่สวยเหมือนเดิมแล้วล่ะ


บทความจาก
https://www.sanook.com/home
http://www.healthtodaythailand.net

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.