เครื่องวัดความเข้มแสง (Lux Light Meter)

เครื่องวัดความเข้มของแสง (Lux Meter) บางครั้งเรียกว่าเครื่องวัดแสง (Light meter) ซึ่งใช้วัดความเข้มของแสงที่แตกต่างด้วยตามนุษย์ ค่านี้ไม่ได้ เครื่องวัดแสงส่วนใหญ่ใช้ตัวตรวจวัดแสงด้วย Photodetector ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับแหล่งกำเนิดแสงที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดรับความถี่ของแสง จากนั้นเครื่องวัดจะอ่านค่าและแปลผลความสว่างให้กับผู้ใช้ผ่านหน้าจออนาล็อกหรือดิจิตอลจอแอลซีดี

เครื่องวัดความเข้มแสง คือเครื่องมือที่ใช้วัดค่าปริมาณของแสงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือแสงที่เราสามารถมองเห็นและแสงที่เกิดจากการประดิษฐ์ขึ้น มีหน่วยวัดค่าเป็น ลักซ์ (LUX) และ ฟุตแคลเดิล (Foot Candle) โดยเครื่องวัดค่าความเข้มแสงในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย มีความรวดเร็วในการวัด สามารถพกพาได้สะดวกและมีความแม่นยำสูง ซึ่งเหมาะกับการวัดใน โกดัง, โรงงานอุตสาหกรรม, อาคารสำนักงาน, ร้านอาหาร, โรงเรียน, ห้องสมุด, โรงพยาบาล, การถ่ายภาพ, วิดีโอ, โรงจอดรถ, พิพิธภัณฑ์หอศิลป์, สนามกีฬา, การรักษาความปลอดภัยอาคาร เป็นต้น

เครื่องวัดความเข้มแสง ยังสามารถเลือกใช้งานให้ตรงกับชนิดของแสงที่ต้องการวัดได้อีกด้วย โดยเครื่องวัดค่าความเข้ม แสง ที่สามารถเลือกชนิดแสงได้ ที่นิยมใช้งานในปัจจุบันมีดังนี้

1.เครื่องวัดความเข้มแสง LED เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาให้วัดความเข้มแสง LED โดยตรง ซึ่งสามารถเลือกชนิดของสี LED ได้

2.เครื่องวัดความเข้มแสงทั่วไป เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาให้วัดความเข้มแสงทั่วไปตามสำนักงาน , ห้องเรียนและโรงงาน

เครื่องมือวัดแสงอุปกรณ์สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

แสงมีผลต่อการใช้ชีวิต และการทำงานของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และตามมาตรฐานที่กรมแรงงานได้มีกำหนดเอาไว้ ว่าโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องมีการควบคุมปริมาณของแสงให้พอดี ไม่มาก หรือน้อยเกินไปเครื่องวัดแสงจึงได้เข้ามามีบทบาทในโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้นเพราะเหตุใดเครื่องมือวัดแสงจึงมีความสำคัญ

หากมีแสงน้อยเกินไปจนไม่เพียงพอสำหรับการมองเห็น

การมีปริมาณแสงที่น้อยเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการทำงานและสุขภาพจิตของพนักงานได้ และในขณะเดียวกัน หากมีแสงมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ คือจะทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว เวียนศีรษะ และไม่มีสมาธิในการทำงานได้เครื่องมือวัดแสงสามารถเป็นตัวอ้างอิงมาตรฐานการจัดแสงในพื้นที่ได้

ปริมาณของแสงที่เหมาะสมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

มาตรฐานของปริมาณแสงไม่ได้มีการกำหนดไว้ตายตัว แต่ต้องมีการนำเอาสภาพของการทำงานมาเป็นตัววัดด้วย สามารถวัดด้วย เครื่องมือวัดแสง เช่น ความสูงของเพดาน ถึงพื้น ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ วัสดุที่ สะท้อนแสง คือผนัง หรือแม้กระทั่งพื้นที่ หรืออุปกรณ์ในการทำงาน ซึ่งตามหลักการแล้ว ไม่ว่าแสงจะมาจากที่ใดก็ตาม แต่เมื่อตกกระทบกับชิ้นงาน หรือ พื้นที่ในการทำงานแล้ว ไม่ควรจะแตกต่างจากแสงในพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ บริเวณทำงานเกิน 3 เท่า เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว จะก่อให้เกิดอาการที่เรียกว่า แสงแยงตา ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน และอาจจะทำให้ผู้ที่ปฏิบัติงานเกิดอาการป่วยได้

คนเรามีการรับรู้ปริมาณแสงที่แตกต่างกัน

เนื่องจากการรับรู้แสงของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นการควบคุม แสง โดยใช้ความรู้สึกของมนุษย์ย่อมไม่มีความแม่นยำเท่าที่ควร การนำ เครื่องวัดแสง มาใช้จึงถูกบังคับเข้าไปในกฎหมายแรงงาน เพื่อป้องกันการได้รับแสงที่ไม่เหมาะสมของแรงงานให้ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อผู้ที่ทำงาน

 

เครื่องมือวัดแสงจำเป็นต้องมีในทุกโรงงานอุตสาหกรรม

โดยตามกฎหมายแล้ว ทุกโรงงานต้องเครื่องมือวัดแสงจำเป็นต้องมีในทุกโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก และจะต้องมีการทำการวัดปริมาณของแสง เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพของการทำงาน อย่างเช่น การทาสีผนังใหม่ การติดตั้งหลอดไฟเพิ่มในจุดต่างๆ เพราะการวัดปริมาณแสงตกกระทบให้สม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องวัดแสงจะช่วยให้แรงงาน ได้รับแสงที่ไม่จ้าจนเกินไป ในจุดที่แตกต่างกัน ทำให้ไม

รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงของแสงเกิดขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่เครื่องวัดแสงมีความจำเป็นและเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นการเลือกใช้ซื้อ เครื่องวัดแสง เพื่อมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมย่อมมีความสำคัญ ต้องมีการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมและมีการสอบเทียบให้ได้มาตรฐานทุกปี

 

รายละเอียดความสว่างของแสงในแต่ละพื้นที่ตามกฎหมาย

  • ห้องประชุมสำนักงาน ต้องการความสว่างระหว่าง 250-700 lux
  • พื้นที่ทำงานส่วนตัว ต้องการความสว่างระหว่าง 700-2000 lux
  • โรงงานสายการบรรจุ ต้องการความสว่างระหว่าง 150-300 lux
  • สายการผลิต ต้องการความสว่างระหว่าง 300-750 lux
  • พื้นที่ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องการความสว่างระหว่าง 1500-3000 lux
  • โรงแรมห้องพัก ต้องการความสว่างระหว่าง 100-200 lux
  • พื้นที่ส่วนกลาง ต้องการความสว่างระหว่าง 220-1000 lux
  • ทางเดินของร้านค้า / บันได 150-200
  • ห้องสอบ ต้องการความสว่างระหว่าง 300-750 lux
  • ห้องเรียน ต้องการความสว่างระหว่าง 200-750 lux
  • ห้องปฏิบัติการห้องสมุดต้องการความสว่างระหว่าง 500-1500 lux

บทความจาก
http://www.ewda2008.org
http://www.ponpe.com

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.