คือการผลิตมากเกินไป เป็นความสูญเสียจากการผลิตมากเกินความต้องการ เกินกว่าความต้องการของลูกค้า ผู้ผลิตสินค้าต้องการผลิตสินค้าให้มีจำนวนมากพอที่จะขายให้กับลูกค้าได้และต้องไม่สูญเสียโอกาสในการขายสินค้าเมื่อลูกค้าต้องการ ดังนั้นการผลิตสินค้าเก็บรอไว้จำนวนมากเป็นสาเหตุของการผลิตที่มากเกินไป เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในเรื่องการเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปในคลังสินค้า ระบบ JIT (just in time) จึงเป็นที่นิยมสำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการผลิตให้พอดีกับความต้องการของลูกค้า.
Overproduction คือหนึ่งใน ความสูญเสีย7ประกาศที่ บริษัทหรือโรงงานด้านอุตสหกรรมควรรู้
1. ความสูญเสียเนื่องจากการผลิตมากเกินไป (Overproduction)
2. ความสูญเสียเนื่องจากการเก็บวัสดุคงคลัง (Inventory)
3. ความสูญเสียเนื่องจากการขนส่ง (Transporation)
4. ความสูญเสียเนื่องจากการเคลื่อนไหว (Motion)
5. ความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต (Processing)
6. ความสูญเสียเนื่องจากการรอคอย (Delay)
7. ความสูญเสียเนื่องจากการผลิตของเสีย (Defect)
ที่มาของปัญหา Overproductionคือ แนวคิดที่ว่าทุกหน่วยในธุรกิจจะต้องทำการผลิตมากที่สุด โดยไม่ได้มีการคำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อไปถึงหน่วยงานถัดไป มุ่งดูการจัดการในหน่วยตัวเองเท่านั้น จึงทำให้เกิดปัญหามีการผลิตรายการที่ไม่ต้องการ มีผลผลิตที่มีจำนวนมากกว่าความต้องการจริงมุ่งที่จะเก็บสต๊อดไว้มาก เพื่อป้องกันกรณีมีปัญหาการผลิตในหน่วยตนก็ยังจะสามารถมีสินค้าส่งได้ ไม่เกิดปัญหาในการส่งมอบงานป้อนหน่วยงานถัดไป
จุดสังเกต การผลิตมากเกินไป
– ผลิตภัณฑ์รอผลิตมากไป (WIP)
– ผลิตภัณฑ์สำเร็จมากไป (Finished Goods)
– การมีแผนการผลิตแบบเผื่อเกินความจำเป็น
– วางแผนการผลิตเพื่อชดเชยของเสียเครื่องจักรเสีย
– ระยะเวลาที่ใช้ในการตั้งเครื่องมีเวลานาน
– วางแผนการผลิตแบบล็อตใหญ (Big Lot Production)
– มีนโยบายกำหนดว่า แม้มีกำลังการผถิตส่วนเกินเหลืออยู่ก็ยังต้องผลิตต่อเพื่อไม้ให้เกิดปัญหาคนและเครื่องว่างงาน
วิธีการปรับปรุง แก้ไข การผลิตมากเกินไป
1. บำรุงรักษาเครื่องจักรให้มีสภาพพร้อมผลิตตลอดเวลา
2.ผลิตเฉพาะสิ่งที่ต้องการในปริมาณและเวลาที่ต้องการเท่านั้น
3. ลดของเสียเวลาเครื่องจักรเสียวลาการตั้งเครื่อง (Set Up Time)
4. พร้อมกับกำหนดปริมาณการผลิตแต่ละล็อตให้เล็กลง
กำจัดจุดคอขวดของสายการผลิตและทำให้เกิดการไหลอย่างต่อเนื่อง
5. ปรับกำลังการผลิตให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการของลูกค้า
6. ลดเวลาการตั้งเครื่องจักร (Reduce setup time) โดยศึกษาเวลาในการตั้งเครื่องจักร
7. จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนเริ่มตั้งเครื่อง
8. แยกขั้นตอนที่ทำได้ในขณะที่เครื่องจักรยังทำงานอยู่ออกจากขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อเครื่องจักรหยุดเท่านั้น
9. ผลิตในปริมาณและเวลาที่ต้องการเท่านั้น โดยปรับเวลาของกระบวนการให้สอดคล้องกับปริมาณการผลิต (Synchronize time and amount of process)
10. ทำการผลิตเฉพาะที่จำเป็น (Make only what is need now)
11. ฝึกให้พนักงานมีทักษะหลายอย่าง
12.จัดลำดับขั้นตอนในการตั้งเครื่องจักรให้เหมาะสม
13. กระจายงานอย่างเหมาะสมโดยไม่ให้เกิดการรองาน
14.จัดหา/ทำอุปกรณ์เพื่อช่วยในการกำหนดตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
15. ปรับปรุงขั้นตอนที่เป็นคอขวด (Bottle-neck) ในกระบวนการ เพื่อลดรอบเวลาการผลิต