หลังจากปี 2020 สิ้นสุดไปมีผู้ซื้อออนไลน์ทั่วโลกมากกว่า 2.05 พันล้านคน นี่เป็นเหตุผลที่จะสามารถสนับสนุนความคิดของผู้ประกอบการที่ว่าทำไมธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีร้านค้าออนไลน์ และนี่ยังเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มตลาดผู้ขายออนไลน์หลายราย (Multivendor Marketplaces) ขึ้นมา
บทความที่เกี่ยวข้อง : Platform E-Commerce
ก่อนอื่นเลยอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับคำว่า Multivendor Marketplaces ว่ามันหมายความว่าอะไรและคืออะไร?
Multivendor Marketplaces คือ ตลาดออนไลน์ที่มีผู้ขายหลายคน หรือก็คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ขายหลายรายขายผลิตภัณฑ์ของตัวเองจากหน้าร้านเดียว มีสินค้าหลายพันรายการ ยกตัวอย่างเช่น esty.com shopee.com amazon.com lazada.com และในแพลตฟอร์มนั้นอาจสินค้าตัวเดียวกันและมีผู้ขายมากกว่า 1 ราย จึงทำให้เกิดการแข่งขันภายในช่องทางนั้น
“ผู้ที่พัฒนาแพลตฟอร์มแบบนี้ออกมามักมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร้านค้ามาลงทะเบียนขายสินค้า แสดงรายการสินค้าของร้านค้า และเก็บค่าคอมมิชชั่นหรือค่าโฆษณาจากร้านค้า”
ความแตกต่างระหว่าง Single vendor และ Multi Vendor

สำหรับ Multi Vendor จะสังเกตได้ว่าผู้ซื้อ 1 รายสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากหลายร้าน ส่วน Single vendor จะเลือกซื้อได้เพียงทางเลือกเดียว
ในบทความนี้ เราจึงยก 4 อันดับแพลตฟอร์ม Multivendor Marketplaces ที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้รู้กัน!
Etsy.com
Etsy เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสัญชาติอเมริกันที่เน้นสินค้าแฮนด์เมดหรือวินเทจและอุปกรณ์งานฝีมือ Etsy มีสินค้ากว่า 60 ล้านรายการในตลาดและเป็นตลาดออนไลน์สำหรับสินค้าแฮนด์เมดและวินเทจเชื่อมโยงผู้ขาย 2.1 ล้านรายกับผู้ซื้อ 39.4 ล้านราย

รูปแบบ
Etsy อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเว็บไซต์นี้จะเกี่ยวข้องกับสินค้า แฮนด์เมด วินเทจ หรือ DIY ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมผู้ซื้อและผู้ขายที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน นอกจากนี้สินค้าแต่ละแบบก็ไม่มีความซ้ำกันเพราะเป็นสินค้าทำมือ ฉะนั้นลูกค้าจะเลือกซื้อเฉพาะสินค้าตนถูกใจภายใน 1 ร้าน
สำหรับใครที่ต้องการขายหรือซื้อสินค้า แฮนด์เมด วินเทจ หรือ DIY สามารถลงทะเบียนและใช้งานเว็บไซต์นี้ได้ นอกจากนี้สำหรับผู้ขาย ทางเว็บไซต์มักจะมีข้อเสนอดี ๆ เพื่อสนับสนุนให้สามารถขายสินค้าได้
_____________________________________________________________________________
Amazon.com
Amazon.com เป็นเว็บไซต์ในลักษณะอีคอมเมิร์ซ และเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ย่อยแยกออกมาสำหรับขายของในประเทศอื่นนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ แคนาดา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส จีน และ ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนี้ ประเทศนอกเหนือจากนี้ยังสามารถซื้อของผ่านแอมะซอน โดยการส่งสินค้าข้ามประเทศได้

Amazon.com จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ในครัว เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา เฟอร์นิเจอร์ และยังมีสินค้าแบรนด์ดังรวบรวมในนี้
Amazon.com มีกฏเหล็กจำนวนมาก อย่างเช่น สินค้าต้องถ่ายจากสินค้าจริง ต้องเขียนคำอธิบายตามจริง และอื่น ๆ ทำให้ผู้ซื้อสามารถมั่นใจได้สินค้าที่ได้รับจะตรงกับภายในเว็บไซต์
นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษมากมายให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
……
_____________________________________________________________________________
eBay.com
eBay.com เป็นเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิรซ์ โดยวาง Business Model เป็นแบบ C2C (Consumer to Consumer) คือเป็นแค่ตัวกลางในการเชื่อมระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่เป็นผู้บริโภคโดยตรงหรือบุคคลธรรมดาๆ เข้าด้วยกัน

eBay.com ปัจจุบัน eBay มีสมาชิกผู้ใช้งานกว่าร้อยล้านบัญชี เพื่อเปิดพื้นที่ซื้อขายและประมูลสินค้าสารพัดชนิด eBay มีตั้งแต่สินค้าธรรมดาทั่วไป จนถึงสินค้าหายาก
นอกจากนี้หากใครที่ต้องการมีบัญชีสมาชิกเพื่อซื้อหรือขายก็สามารถสมัครได้ฟรี
……
______________________________________💬_______________________________________
มาเทียบความต่างระหว่าง Amazon.com กับ eBay.com กันคร่าว ๆ

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Amazon และ eBay คือ Amazon เป็นเว็บไซต์ค้าปลีกส่วนเป็นเว็บไซต์ประมูล ผู้ซื้อส่วนใหญ่ของ Amazon มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อของออนไลน์โดยตรงจากผู้ขาย นอกจากนี้หากขายสินค้าบน Amazon จะต้องแข่งขันกับผู้ขายรายอื่นด้วย ในขณะที่ eBay เป็นตลาดที่ขายได้ทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่และของมือสอง
______________________________________💬_______________________________________
Walmart.com
Walmart เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก ที่ขายสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่เครื่องใช้ในครัว เสื้อผ้ส รองเท้า อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง อุปกรณ์กีฬา เครื่องสำอางค์ ของเล่นเด็ก และสินค้าอื่น ๆ ที่ผู้รายรายอื่นลงขาย และมีแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์โดยเฉลี่ยเว็บไซต์มีผู้ใช้งานมากกว่า นอกจากนี้ Walmart.com มีผู้เยี่ยมชมที่ไม่ซ้ำกันมากถึง 100 ล้านคนต่อเดือนตาม comScore และมีการเติบโตขึ้นทุกปี

ที่สำคัญและเป็นประเด็นอย่างหนักคือ walmart และ Amazon เป็นคู่แข่งกัน
นอกจาก Walmart.com จะขายสินค้าของตกแล้ว ยังเปิดรับผู้ขายภายนอกให้สามารถลงทะเบียนขายสินค้าในเว็บไซต์นี้ได้
…..
_____________________________________________________________________________