Cause and Effect Matrix คือ เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่าง”. ผลิตที่มีผลต่อความสัมพันธ์กับ ลูกค้าอย่างไร ” เพื่อช่วยในวิเคราะห์ ความต้องการ ซึ้งจะใช้จัดลำดับความสำคัญของตัวแปร X ที่มีต่อตัวแปร Y ที่ลูกค้าสนใจ โดยเรียงลำดับจากตัวเลข อาจจะใช้ แผนผังกระบวนการร่วมด้วยเพือความชัดเจน
บ้างที่มากล่าวว่า Matrix เกิดจากการพัฒนา ปรับปรุง จาก sixsingma นำมาใช้ต่อยอด

sixsigmadsi.com/how-to-complete-the-ce-matrix/
นิยามตัวแปร Cause and Effect Matrix
Y คือ ข้อกำหนดของลูกค้า ตามความสำคัญ เรียงลำดับการให้คะแนน จากมุมมองของลูกค้าเอง( KPOV)
X คือ ตัวระบุขั้นตอนการทำงาน(Process steps) และ( KPIV คือ ตัวแปรปัจจัยเข้าที่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อ KPOV)
ตัวอย่างเช่น การหล่อชิ้นงานด้วยแม่พิมพ์ แบบหล่อกลวง หรือแม่พิมพ์แบบ1ชิ้น KPOV คุณลักษณะที่สำคัญทางกายภาพได้แก่
1.ขนาดของชิ้นงาน
2.ความหมายของชิ้นงาน
3.ความเเข็งแรงของชิ้นงานไม่แตกราว เป็นต้น
ตัวแปรปัจจัยเข้าที่สำคัญ(KPIV)ที่มีผลต่อ KPOV ได้แก่
1.อุณหภูมิภายใน และภายในของแม่พิมพ์
2.คุณภาพของน้ำดิน น้ำดินมีความเข้มข้นมากน้อย
3.ระยะเวลาในการหล่อน้ำดิน เป็นต้น

https://www.youtube.com/watch?v=dPLJCgyiVVo
ขั้นตอนการทำ Cause and Effect Matrix
1.ระบุตัวแปรOutputsของYที่อยุ่ด้านบนของตารางซึ่งตัวแปรเหล่านี้ ที่ของผุ้ผลิตและลูกค้าต้องเข้าใจตรงกันว่าคือ อะไร?และ มีความสำคัญอย่างไร? โดยที่ตัวแปรเหล่านี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ Y ที่ระบุใน แผนผังกระบวน

2.ให้คะแนนความOutputsเหล่านั้น อาจจะใช้1-10ในการให้คะแนนความสำคัญถ้าสำคัญมากคะแนนจะยิ่งสูง

3.ระบุตัวแปร Input X ที่เป็นไปได้ทางด้านซ้ายสุดของตาราง

4.ให้คะแนนความสำพันธืระหว่าง ตัวแปรXแต่ละตัว และตัวแปรYแต่ละตัว การให้คะแนนขึ้นอยุ่กับประสบการณ์ ของผุ้ผลิตและทีม
เกณฑ์การให้คะแนน ตามลำดับตัวเอง
0=ไม่มีความสัมพันธ์กันเลย
1=ตัวแปร Inputsมีความสำคัญเล็กน้อย ต่อ ตัวแปร Outputs นั้นๆ
4=ตัวแปร Inputsมีความสำคัญปานกลาง ต่อ ตัวแปร Outputs นั้นๆ
9=ตัวแปร Inputsมีความสำคัญมากหรือโดยตรง ต่อ ตัวแปร Outputs นั้นๆ

5.ใช้คอลัมนืคะแนนรวมในการพิจารณา ว่าควรจะเริ่มวิเคราะห์จากตัวแปรใด และเป็นการรวมรวมข้อมูลก่อนที่จะนำไปวิเคราะห์หา FMEA ต่อไป (การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบ)
Minitab Workspace ?
เป็นอีกหนึ่งซอฟต์แวร์ของ Minitab, ช่วยองค์การต่าง ๆ เพิ่มรายได้ ควบคุมและลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ เสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจนั้น ความสำเร็จส่วนใหญ่เกิดจากการผลักดันผ่านการทำโปรเจ็คที่สำคัญคือ Six Sigma ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือหลายๆตัวเข้ามาช่วยไม่ว่าจะเป็นการเขียน Process Map หรือ Value Stream Map(VSM) กรณีเป็นโปรเจ็ค Lean Six Sigma , การจัดลำดับความสำคัญของแต่ละส่วนงาน(Prioritize) และเครื่องมือต่างๆ เช่น C&E Matrix,


สรุปCause and Effect Matrix
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดรวดเร็วและสามารถมองเห็นภาพรวมจุดที่บกพร่องและควรแก้ไข โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง KPOV ทีมีผลปัจจัยต่อ KPIV ที่จะให้คะแนนตามความสำคัญและสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อยอดได้อีกหลายรูปแบบเช่นประยุกต์ใช้กับ แผนภาพขั้นตอนการผลิต แผนภูมิก้างปลา เป็นต้น และ ขึ้นอยุ่กับการนำมาใช้ในงานหรือ ธุรกิจแต่ทั้งนี้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก