“เคลือบ” คือ ชั้นบาง ๆ ของแก้วที่ฉาบอยู่บนผิวผลิตภัณฑ์เซรามิกอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปแล้วเตรียม ได้จากการหลอมส่วนผสมของสารประกอบซิลิเกต หรืออาจพูดได้ว่า เคลือบคือสารประกอบซิลิเกตซึ่งเมื่อถูก ความร้อนแล้วจะหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันฉาบอยู่บนผิวของผลิตภัณฑ์ มีลักษณะโปร่งใส แข็งแกร่ง ทนต่อกรดและด่างได้เป็นอย่างดี โดยท่ัวไปแล้วเคลือบมีคุณสมบัติทางฟิสิกส์และเคมีคล้ายแก้วและแข๋งตัวไม่ ละลายหรือละลายได้น้อยมากในสารละลายเคมี นอกจากกรดกัดแก้ว(HF) และด่างแก่ (Strong base) และไม่ยอมให้ของเหลวและแก็ส ซึมผ่านได้ แต่เคลือบจะมีส่วนประกอบทางเคมีซับซ้อนกว่าแก้ว
วัตถุประสงค์ของการเคลือบ หลักของเคลือบ เพื่อความสวยงาม,ปกปิดความไม่เรียบร้อยของชิ้นงาน,ป้องกันของเหลวแก็สซึมผ่าน,เพิ่มความแข็งแรง,เพิ่มคุณสมบัติพิเศษบางประการเช่น ป้องกันไฟฟ้าและสารเคมีบางชนิด
การจำแนกชนิดของเคลือบ ก่อนที่เราจะได้คำตอบ ที่ว่าทำไหม เคลือบตะกั่วจึงถูกใช้มาก เราต้องมารุ้จักตะกั่วก่อน คืออะไร ?
ตะกั่ว” เป็นสาร ที่ใช้เป้นส่วนประกอบในการทำเคลือบ เซรามิค คุณสมบัติของเคลือบที่มีตะกั่วคือ ทำให้ตัวชิ้นงานเคลือบมีความมันวาว สีสันสดใส มักใช้ในงานประเภท กระถางต้นไม้ โอ่งประดับส่วน แจกันประดับ งานศิลปะ เคลือบที่มีส่วนประสบของตะกั่วจะมีความโดนเด่นและแปลก บ้างครั้งตัวชิ้นงานจะมีผิวขรุขระแต่มันวาว คล้ายน้ำมัน เป็นสีมุข
ความนิยมของเคลือบที่มีตะกั่ว เนื่องจาก เคลือบที่มีตะกั่วจะเผาที่อุณหภูมิ800-1150 เท่านั้น เผาได้ง่ายไม่นาน สีสันสวยงาม แปลกตา มักนิยมใช้ในงานประเภทของประดับ งานศิลปะ ไม่นิยมมาใช้งานที่ตเป้นภาชนะ เพือบริโภค เนื่องจาก เคลือบยังมีตะกั่วตกค้างอยุ่มาก อาจจะเป้นอันตรายต่อร่างกาย เมื่อเจอกรดเข้มข้นสารตะกั่วอาจจะละลายได้ งานทุกชนิดที่ใช้เป้นภาชนะจึงมักมีการตรวจสารตะกั่วตกค้างเสียก่อน