เคลือบ คือ สารประกอบซิลิเกตซึ่งเมื่อถูก ความร้อนแล้วจะเกิดการหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันฉาบอยู่บนผิวของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นชั้นบางๆ แข็งแรง ทนทานต่อกรดและด่างได้เป็นอย่างดี เคลือบที่พบเห็นโดยทั่วไปจะมีความมันวาวและสะท้อนแสงได้ สามารถมองเห็นเนื้อดินที่เคลือบ เคลือบชนิดนี้ เรียกว่า เคลือบใส แต่ถ้าผิวไม่มัน เรียกว่าเคลือบด้าน สวนเคลือบที่สามารถปิดบังผิวของเนื้อดินได้เรียกเคลือบชนิดนี้ว่า เคลือบทึบ จะมีสีหรือไม่มีสีก็ได้ขึ้นอยู่กับสวนผสมของเคลือบ
โดยส่วนใหญ่แล้วความหนาของชั้นเคลือบนั้นจะขึ้นอยู่กับค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำเคลือบซึ่งหากน้ำเคลือบมีค่าความถ่วงจำเพาะมากจะทำให้เคลือบหลังจุ่มมีความหนามากขึ้น รวมถึงเวลาในการจุ่มก็ส่งผลอย่างมากเช่นกันหากใช้เวลาในการจุ่มนานชั้นเคลือบก็จะยิ่งหนามากขึ้นตามไปด้วย
- Drip Test คือการตรวจสอบเข้มข้นของน้ำเคลือบเบื่องต้น โดยการใช้นิ้วจุ่มลงน้ำเลือบแล้วนับหยดของน้ำเคลือบที่หยดลง
- Stir Test คือการตรวจสอบความหนืดเบื่องต้น โดยกวนน้ำเคลือบให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วจับเวลา หลังจากหยุดกวนจนน้ำเคลือบหยุดนิ่ง
- Dry Test คือการตรวจสอบเวลาแห้งของผิวเคลือบหลังจุ่มเคลือบ โดยการจุ่มชิ้นงานลงในน้ำเคลือบแล้วจับเวลาหลังจุ่มจนถึงเคลือบจะแห้ง โดยเคลือบที่มีความหนาใกล้เคียงกันจะแห้งในเวลาใกล้เคียงกัน
- Eye Test คือการตรวจสอบความหนาด้วยตา โดยการมองว่าเคลือบมีความหนาประมาณเท่าไหร่ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ความชำนาญในการเคลือบ
- Feel Test คือการขูดดูความหนาของชิ้นงานหลังจุ่มเคลือบ โดยหลังจากจุ่มชิ้นงานลงในน้ำเคลือบแล้วรอจนเคลือบแห้งแล้ว ทำการขูดผิวเคลือบออกแล้วสังเกตุดูความหนาของเคลือบบนผิวชิ้นงาน
- ทดสอบหลังเผา คือการตรวจดูชิ้นงานหลังเผาเคลือบโดยการทุบขิ้นงานดู หรือดูด้วยตา
- การกำหนดเวลา คือการทดสอบโดยการกำหนดเวลาในการจุ่มเคลือบชิ้นงาน โดยจะใช้เวลาที่ใกล้เคียงกันในการจุ่มเคลือบ